พนักงานชายของสายการบินชื่อดังลวงผู้โดยสารเยาวชนชายอายุ15ไปกินบวบคาห้องน้ำในสนามบินล่าสุดหมายจับออกแล้ว

พนักงานชายของสายการบินชื่อดังลวงผู้โดยสารเยาวชนชายอายุ15ไปกินบวบคาห้องน้ำในสนามบินล่าสุดหมายจับออกแล้ว

 

ทางญาติเผยเคยย้ายชื่อเข้ามาในทะเบียนบ้านตั้งแต่สมัยบวชเป็นพระแต่ไม่เคยมาอยู่และมาหาเลยผู้สื่อข่าวรายงานได้รับแจ้งจากสายข่าวว่ามีเหตุพนักงานชายของสายการบินชื่อดังแห่งหนึ่งที่สนามบินสุวรรณภูมิ ไปก่อเหตุลวงผู้โดยสารเยาวชนชายอายุ15ปีไปกระทำอนาจารภายในห้องน้ำของสนามบินขณะที่ผู้โดยสารเยาวชนชายรายนี้กำลังรอขึ้นเครื่องบินเมื่อผู้สื่อข่าวจึงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในเรื่องดังกล่าว โดยสอบถามไปยัง พ.ต.อ. จักรพงศ์ นุชผดุงผกก.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเปิดเผยเรื่องนี้กับทางนักข่าวผ่านทางโทรศัพท์ ระบุว่า มีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง โดยเกิดขึ้นวันที่ วันที่ 27 กันยายน 2566 เวลาประมาณ 18.40 น. บริเวณห้องน้ำ เกท บี 8 ชั้น 1 ภายในประเทศ อาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิ ตำบลหนองปรืออำเภอบางพลีจังหวัดสมุทรปราการหลังจากที่มารดาวัย46ปีพาผู้เสียหายซึ่งเป็นบุตรชายอายุ15ปีเดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา ก็คือ นายสุขเกษม เชิดชู อายุ 43 ปีอยู่บ้านเลขที่ 48/117 หมู่ 8 ต.พานทองอ.พานทองจ.ชลบุรีในข้อหากระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์นั้นไม่เต็มใจไปด้วย
สำหรับพฤติการณ์ ผู้เสียหายก็คือเยาวชนชายอายุ 15 ปี ได้เดินทางไปที่สนามบินสุวรรณภูมิเพื่อเดินทางไปหามารดา ที่จังหวัดกระบี่ จากนั้นได้ขึ้นไปที่อาคารผู้โดยสารชั้น 4 โซนซี ซึ่งเป็นเคาท์เตอร์เช็คอินของสายการบินแห่งหนึ่งแต่เนื่องจากผู้เสียหายไม่เคยเดินทางเพียงลำพังจึงได้วีดีโอคอลคุยกับผมารดามารดาจึงได้ให้บุตรชาย ไปพบพนักงานของสายการบินเพื่อขอพูดคุยด้วย ผู้เสียหายเห็นผู้ต้องหายืนให้บริการผู้โดยสารอยู่จึงได้เข้าไปสอบถามและให้พูดคุยกับทางมารดามารดาของเยาวชนอายุ 15 ปี ซึ่งเป็นผู้เสียหายได้บอกให้นายสุขเกษมหรือผู้ต้องหาซึ่งเป็นพนักงานให้บริการของสายการบินช่วยดูแลผู้เสียหายในการออกบอดดิ้งพาสและช่วยเหลือในการขึ้นเครื่องซึ่งผู้ต้องหาได้มีการออกตั๋วและบอดดิ้งพาสให้ผู้เสียหายจนเป็นที่เรียบร้อย ต่อมาเวลาประมาณ 18.40 น. ผู้ต้องหาได้พาผู้เสียหายลงไปที่บริเวณเกทบี8เพื่อรอขึ้นรถไปขึ้นเครื่องขณะที่ผู้เสียหายซึ่งเป็นเยาวชนชายอายุ15ปีนั่งรอรถผู้ต้องหาได้เข้าไปนั่งใกล้และได้มีการใช้มือลูบคลำบริเวณเป้ากางเกงผู้เสียหาย จากนั้นได้บอกว่ากระเป๋าเดินทางของผู้เสียหายมีน้ำหนักเกิน ซึ่งผู้ต้องหาจะตรวจสอบให้โดยผู้ต้องหาให้ผู้เสียหายเดินตามเข้าไปในห้องน้ำจากนั้นผู้ต้องหาได้เดินเข้าไปในห้องน้ำห้องสุดท้ายแล้วให้ผู้เสียหายเดินตามเข้าไป เมื่อผู้เสียหายเข้าไปในห้องน้ำที่เกิดเหตุ ผู้ต้องหาได้ล็อคประตูห้องน้ำแล้วให้ผู้เสียหายยืนบริเวณบานพับประตูทำให้ไม่สามารถหลบหนีออกมาได้แล้วผู้ต้องหาก็ได้ใช้มือลูบบริเวณอวัยวะเพศของผู้เสียหายแล้วได้ดึงกางเกงและกางเกงชั้นในผู้เสียหายลงไปบริเวณขาจากนั้นผู้ต้องหาได้ใช้มือจับอวัยวะเพศผู้เสียหายแล้วได้ใช้ปากอมอวัยวะเพศผู้เสียหายซึ่งผู้เสียหายได้บอกกับผู้ต้องหาว่าให้พอแล้วและยกมือไหว้ขอร้องและได้ใช้มือผลักไหล่ผู้ต้องหา แต่ผู้ต้องหาไม่ยอมหยุดจนกระทั่งมีเสียงคนเดินเข้ามาในห้องน้ำผู้ต้องหาจึงหยุดและได้พูดว่าข่มขู่ว่าอย่าเสียงดังจากนั้นผู้ต้องหาก็ได้ใช้ปากอมอวัยวะเพศของผู้เสียหายอีกครั้งซึ่งผู้เสียหายไม่ได้สำเร็จความใคร่ และผู้เสียหายได้พูดขอร้องผู้ต้องหาแต่ผู้ต้องหาก็ไม่ยอมหยุด แล้วผู้เสียหายได้รีบดึงกางเกงขึ้นมาไว้ที่เอวเช่นเดิมพร้อมกับได้ใช้มือปิดที่อวัยวะเพศซึ่งผู้ต้องหาพยายามจะกระทำผู้เสียหายอีกแต่ผู้เสียหายไม่ยินยอมจากนั้นผู้ต้องหาได้ให้ผู้ต้องหาสำเร็จควาใคร่ให้ดูแต่ผู้เสียหายไม่ทำแล้วผู้ต้องหาได้บอกกับผู้เสียหายว่าตนเองจะออกจากห้องน้ำไปก่อนแล้วให้ผู้เสียหายเดินตามออกไปหลังจากที่ผู้เสียหายออกมาจากห้องน้ำแล้วต่อมาก็ได้เล่าเหตุการณ์ให้ลุงไม่ทราบชื่อซึ่งเป็นผู้โดยสารฟังและขณะนั้นเป็นเวลาที่พนักงานเรียกขึ้นรถเพื่อไปขึ้นเครื่องผู้เสียหายจึงไปขึ้นเมื่อถึงสนามบินกระบี่จึงได้เล่าเหตุการณ์ให้ผู้กล่าวหาซึ่งเป็นมารดาฟังมารดาจึงพาผู้เสียหายไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เหนือคลอง จ.กระบี่ ซึ่งทางเจ้าหน้าท พฐ.ได้เก็บดีเอ็นเอจากผู้เสียหายไว้แล้วต่อมาจึงเดินทางมาร้องทุกข์ที่สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิซึ่งต่อมาพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการออกหมายจับผู้ต้องหาล่าสุดศาลจังหวัดสมุทรปราการได้อนุมัติหมายจับนายสุขเกษมเชิดชูอายุ43ปีในข้อหากระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์นั้นไม่เต็มใจไปด้วยขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ เวลา 17.00 น.ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 48/117 หมู่ 8 ต.พานทอง อ.พานทอง จ.ชลบุรี ได้พบกับนายศุภณัฐ เชิดชู อายุ 24 ปีเจ้าของบ้านและได้เอาทะเบียนบ้านหลังดังกล่าวมาให้ทางผู้สื่อข่าวดูว่านายสุขเกษม เชิดชู ได้ย้ายปลายทางมาจากบ้านเลขที่ 42 หมู่ 5 ต.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เมื่อ พ.ศ.2560 ตอนนั้นใช้ชื่อว่าพระสุขเกเชิดชูและมาเปลียนเป็นนายทีหลังซึ่งตนกับผู้ก่อเหตุมีศักดิ์เป็นอาและหลานกันเพราะผู้ก่อเหตุเป็นหลานของพ่อตนอีกทีตนก็ไม่ค่อยสนิทเท่าไรและผู้ก่อเหตุได้มาขอเอาชื่อเข้าทะเบียนบ้านเฉยๆแต่ไม่เคยมาหาและไม่เคยมาอยู่กับตนก็เคยมีสมัยที่ยังเป็นพระพ่อตนก็ได้พาไปหามาครั้งหนึ่งแต่นานมากแล้วตนก็เห็นปกติดีไม่มีอาการตุ้งติ้งหรือออกแนวเป็นเกหรือเพศตรงข้ามเลยส่วนนิสัยนั้นตนก็ไม่รู้จักเพราะไม่เคยอยู่และไม่เคยคุยกันมาทำแบบนี้ก็รู้สึกว่าทำความเสื่อมเสียเป็นอย่างมากตนก็รับไม่ได้เพราะใช้นามสกุลเดียวกันอีกด้วยตนยืนยันว่าไม่เคยมาอยู่ที่บ้านแน่นอนเพราะตนอยู่กับแฟนสาวเพียง2คนเท่านั้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *