นครพนม-คนขายแรงหนีไฟสงคราม แห่รายงานตัวแน่น แฝดผู้พี่เผยนายจ้างยันชัด น้องชายถูกฮามาสปาดคอ ทางการไทยรอผล DNA ยืนยันอัตลักษณ์

นครพนม-คนขายแรงหนีไฟสงคราม แห่รายงานตัวแน่น แฝดผู้พี่เผยนายจ้างยันชัด น้องชายถูกฮามาสปาดคอ ทางการไทยรอผล DNA ยืนยันอัตลักษณ์


*****
วันที่ 24 ตุลาคม 2566 ที่ศูนย์ราชการกระทรวงแรงงาน จังหวัดนครพนม มีแรงงานทำงานในประเทศอิสราเอล ประมาณ 50 ราย เดินทางไปรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ พร้อมนำเอกสารหลักฐาน อาทิ พาสปอร์ต บัตรประชาชน สัญญาจ้างฯ ในส่วนรายที่ซื้อตั๋วเครื่องบินเอง ก็นำตั๋วเดินทางไปยืนยันประกอบเรื่อง โดยมีญาติพ่อแม่พี่น้องลูกเมียมาเป็นเพื่อนด้วย
ซึ่งในจำนวนนั้นมีครอบครัวของนายเศรษฐา โฮมสร หรือต้อม อายุ 36 ปี ชาวบ้านหนองเดิ่นพัฒนา ต.บ้านผึ้ง อ.เมืองนครพนม คือพี่สาวนางเนตรนภา โฮมสร อายุ 38 ปี และ นายเจษฎา โฮมสร หรือตั๊ม อายุ 36 ปี พี่ชายฝาแฝดของนายเศรษฐา ที่เพิ่งเดินทางกลับจากอิสราเอลเมื่อช่วงเช้านี้ นำเอกสารเป็นตั๋วเครื่องบินมาขอค่าตั๋วคืน โดยนายเจษฎาหรือตั๊มเปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ว่า ในครอบครัวโฮมสร มีพี่น้องรวม 4 คน ได้แก่ นางเนตรนภา ส่วนตนกับนายเศรษฐาเป็นพี่น้องฝาแฝด และน้องสุดท้องชื่อนายอนุวัติ โฮมสร ซึ่งพี่น้องทั้ง 3 คน ต่างเดินทางผ่านกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ตนเป็นพี่ชายคนโตสมัครเดินทางทำงานภาคการเกษตร ประเทศอิสราเอล เมื่อเดือนกรกฎาคม 2562 จากนั้นประมาณ 6 เดือน นายเศรษฐาก็เดินทางไป ตามด้วยน้องคนเล็กคือนายอนุวัติ โดยทำงานอยู่คนละไซต์งาน ตนทำอยู่สวนเกษตรอะโวคาโดแถวภาคกลางของประเทศ ขณะที่นายเศรษฐาอยู่ตอนใต้ เขตฉนวนกาซา ติดชายแดนปาเลสไตน์
นายเจษฎาหรือตั๊มเล่าต่อว่า วันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม เวลาระหว่าง 06-07.00 น. และถือเป็นวันหยุดของแรงงานไทย คือวันที่กลุ่มติดอาวุธฮามาสจู่โจมอิสราเอล ดังนั้นแรงงานส่วนใหญ่ ใช้วันและเวลาดังกล่าวนอนพักผ่อนอยู่ในแคมป์ที่พัก โดยปกติกลุ่มฮามาส จะยิงจรวดจากฝั่งปาเลสไตน์ก่อกวนอิสราเอลประจำอยู่แล้ว แรงงานไทยโดยเฉพาะคนอีสาน จึงเรียกจรวดพวกนั้นว่าบักบั้งไฟ แต่ครั้งนี้ผิดแผกไปจากเดิม เพราะกลุ่มฮามาสบุกภาคพื้นดินด้วย และเป็นเวลาคนงานไทยพักผ่อนพอดี
“เขตภาคกลางที่ผมอยู่ แทบไม่ได้ผลกระทบจากการสู้รบ ทุกวันนี้ก็ยังคงทำงานกันตามปกติ ส่วนเหตุการณ์ทางตอนใต้ที่น้องชายอยู่นั้น ได้รับการบอกเล่าจากเพื่อนที่อยู่แคมป์เดียวกัน ว่า ในห้องพักอยู่ด้วยกัน 4-5 คน พวกก่อการร้ายบุกเข้ามาพังประตู จับน้องชายใช้มีดสปาร์ต้าปาดคอ ต่อหน้าต่อตาเพื่อนที่ต่างวิ่งหนีกระเจิดกระเจิง ทีแรกยังไม่ปักใจเชื่อ กระทั่งวันที่ 18 ตุลาคมนายจ้างของน้องชายก็ยืนยันว่านายเศรษฐาเสียชีวิตแล้ว ประกอบกับทหารอิสราเอลก็ยืนยันเช่นเดียวกัน ผมจึงเดินเรื่องขอกลับไทยเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับน้องให้เรียบร้อย ส่วนน้องคนเล็กก็กำลังเดินทางกลับเช่นเดียวกันฯ”
นอกจากนี้นายเจษฎายังกล่าวต่อว่า ก่อนเดินทางกลับไทย ได้ให้เส้นผมและน้ำลายแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจอิสราเอล เพื่อใช้ตรวจดีเอ็นเอพิสูจน์อัตลักษณ์น้องชาย แต่ต้องยอมรับด้วยว่าการสู้รบ มีคนล้มตายจำนวนมาก การพิสูจน์อัตลักษณ์ยืนยันตัวตนย่อมช้าถือเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าสงครามสงบก็ไม่ขอกลับไปที่นั่นอีกเด็ดขาด
ทางด้าน นางเนตรนภา โฮมสร พี่สาว ขอไม่ให้สื่อมวลชนบันทึกภาพ เพราะยังรู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ยืนยันว่าทราบข่าวการเสียชีวิตของนายเศรษฐาจากเพื่อนแคมป์เดียวกัน และไม่เคยบอกว่าเจ้าหน้าที่แรงงานทราบข่าวการตายของน้องแล้ว แต่ไม่กล้าบอกญาติก็ไม่เป็นความจริง ตรงกันข้ามเจ้าหน้าที่แรงงานมาพบที่บ้าน และโทรศัพท์ถามไถ่ความคืบหน้าตลอดเวลา
ในขณะที่อาคารศูนย์ราชการกระทรวงแรงงาน จังหวัดนครพนม บริเวณชั้นล่างเป็นสำนักงานจัดหางาน มีคนงานมารายงานตัวจนแน่น ไม่ต่างจากชั้นอื่นๆที่มีคนหางานมาขอรับบริการมากกว่าวันอื่นๆ ส่วน นายนพพร มานะ แรงงานจังหวัดนครพนม และ นางสาว วรานิษฐ์ กีรติพงษ์เวคิน จัดหางานจังหวัดนครพนม ติดราชการประชุมเกี่ยวกับประกันสังคม เพื่อเร่งช่วยเหลือคนงานที่เดินทางกลับจากประเทศอิสราเอล ได้รับการเยียวยาโดยเร็วที่สุด
ส่วนกรณีที่ญาติของนายเศรษฐา โฮมสร บอกว่าเสียชีวิตแล้วนั้น ผู้สื่อข่าวได้รับการอธิบายจากเจ้าหน้าที่แรงงาน ว่า ทางการไทยทั้งกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึง กระทรวงแรงงาน ต้องได้รับการยืนยันเป็นเอกสารชัดเจนจากอิสราเอล หากไม่มีการยืนยันอัตลักษณ์ ถือว่านายเศรษฐายังเป็นผู้สูญหายติดต่อไม่ได้
ทั้งนี้ มีรายงานคนงานในจังหวัดนครพนม เดินทางไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล ณ วันที่ 23 ตุลาคม 2566 มีจำนวน 2,136 คน บาดเจ็บ 1 ถูกจับเป็นตัวประกัน 4 เดินทางกลับ 184 ราย ยังไม่มีรายงานการเสียชีวิต ในส่วนผลกระทบด้านสุขภาพจิตทั้งคนงานและญาติ พบว่ามีความเสี่ยงที่ต้องได้รับการเยียวยาจิตใจ จำนวน 24 คน
//ภาพ-ข่าว//พงศ์สุคนธ์ คุณธรรมมงคล//นครพนม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *