เกิดเหตุสุดระทึกหม้อแปลงไฟระเบิดทำให้ไฟช๊อตร้านขายเฟอร์นิเจอร์และเครื่องมือการเกษตรไฟลุกไหม้ด้านใน10กว่าชีวิตต้องปีนบันไดหนีไฟเอาตัวรอด เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เสม็ด พร้อมด้วยนายวินัย พ้นภัยพาลนายกเทศมนตรีบาลเมืองอ่างศิลาได้รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้อาคารพาณิชย์5ชั้นเป็นร้านขายเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์การเกษตร พื้นที่ หมู่ 3 ตำบลเสม็ด อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี หลังรับแจ้งรีบรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงรถกระเช้าเทศบาลเมือง 1 คันรถดับเพลิงเทศบาลเมืองอ่างศิลา 2 คันเทศบาลเมืองชล 1 คันเทศบาลตำบลเสม็ด 1 คันเทศบาลตำบลห้วยกะปิ1คันจากนั้นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าได้ทำการตัดระบบไฟฟ้าภายในอาคารก่อนจะตัดประตูจากข้างนอกเข้าไปด้านในแล้วเร่งระดมฉีดน้ำดับเพลิงโดยใช้เวลาประมาณ 30 นาทีจึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้จากการตรวจสอบพบว่าไฟได้ไหม้ท่อพีวีซีและกล่องกระดาษในอุปกรณ์เครื่องมือช่างและการเกษตรที่อยู่บริเวณชั้นล่างแต่ทำให้กลุ่มควัน พลพุ่งขึ้นด้านบนชั้น5
จากการสอบถามนางศิริพร ศิรไพบูลย์ อายุ 61 ปีเจ้าของร้านได้เปิดเผยว่า ตอนเกิดเหตุตนอยู่ภายในในอาคารกว่า 10ชีวิตจากนั้นได้มีหม้อแปลงไฟระเบิดจากด้านนอกทำให้ด้านในเกิดไฟฟ้าช็อตลัดวงจรทำให้ไฟลุกไหม้จากด้านล่างตนจึงได้ตะโกนเรียกทุกคนว่าไฟไหม้และได้พากันหาทางออกโดยการปีนบันไดลิงด้านหลังอาคารหรือบันไดหนีไฟฉุกเฉินออกมาได้จนครบหมดไม่มีใครได้รับบาดเจ็บส่วนของที่เสียหายจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ท่อพีวีซีกล่องกระดาษและเครื่องมืออุปกรณ์ช่างและการเกษตรบางส่วนส่วนค่าความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้เพราะต้องรอตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
ทางด้านนายวินัยพ้นภัยพาลนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองอ่างศิลาได้เล่าว่าหลังจากได้รับแจ้งก็รีบมาตรวจสอบพร้อมกับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและประสานรถดับเพลิงให้เร่งมาระดมฉีดน้ำดับไฟเพื่อไม่ให้ลุกลามขึ้นชั้นบนและไปยังอาคารด้านข้างจากการตรวจสอบพบว่าไฟไหม้เฉพาะชั้นหนึ่งเท่านั้นไม่ได้ลุกลามขึ้นด้านบนและพบว่าเป็นเครื่องมือการเกษตรเฟอร์นิเจอร์กล่องกระดาษและพีวีซีซึ่งเป็นฉนวนไวไฟแต่ก็สามารถดับเพลิงเอาไว้ได้อย่างรวดเร็วส่วนสาเหตุนั้นเกิดจากหม้อแปลงเสาไฟด้านนอกระเบิดทำให้ไฟช็อตอยู่ด้านในและเกิดไฟฟ้าลัดวงจรจึงทำให้ไฟไหม้ในครั้งนี้ได้ส่วนคนที่ติดในอาคารก็ช่วยออกมาได้หมดไม่มีใครได้รับบาดเจ็บอะไรทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้รอตรวจสอบสาเหตุและสอบสวนเจ้าของอาคารอีกครั้งเพื่อจะได้ดำเนินการ ตามกฏหมาย และประเมินค่าเสียหาย ในครั้งนี้ ต่อไป วิศาล แสเจริญ ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดชลบุรี