จ.ชุมพร-#ความคืบหน้าย่าเผาตัวเองพร้อมหลานตายอนาถหน้าบ้าน

จ.ชุมพร-#ความคืบหน้าย่าเผาตัวเองพร้อมหลานตายอนาถหน้าบ้าน

จากกรณีนางอุทัย ชนะ อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 247 หมู่ที่ 6 ตำบลนาสัก อ.สวี จ.ชุมพร จุดไฟเผาตัวเองและหลานสาววัย 14 ปี พิการติดเตียง ตายที่หน้าบ้านเมื่อคืนที่บ้านมา

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 16 ก.พ.67 ที่ศาลาเมรุวัดห้วยใหญ่ หมู่ 6 ตำบลนาสัก อ.สวี จ.ชุมพร ญาติๆได้นำศพของนางอุทัย ชนะ อายุ 66 ปี และหลานสาวอายุ 14 ปี มาบำเพ็ญกุศลศพ หลังจากแพทย์โรงพยาบาลได้พิสูตรสาเหตุการตายและพิสูตรอัตลักษณ์ศพของย่าและหลานสาวที่จุดไฟเผาฆ่าตัวตายจนไหม้ดำเป็นตอตะโก โดยมีญาติๆ ชาวบ้าน ผู้นำชุมชน กลุ่ม อสม.และชาบบ้านจำนวนมากมาร่วมกันจัดงานและทำดอกไม้ประดับหน้าศพ

นางสาวอ้อยทิพย์ ชนะ อายุ 39 ปี ลูกสาวผู้ตายเปิดเผยว่าแม่ตนมีลูกสองคนมีผู้ชายเป็นคนโตส่วนตนเป็นคนสุดท้อง ตอนนี้ตนไม่อยากจะพูดอะไรให้กระทบใครอีกแล้ว เพราะเมื่อที่ตนพูดไปมาจากความรู้สึกที่เห็นศพแม่แล้วโมโหมาก ซึ่งตนอยากให้ลูกๆของแม่มางานศพแม่ รวมทั้งน้องสาวคนสุดท้องของแม่ที่ยืมเงินไปด้วย ได้มางานศพแม่เพื่อมาขอขมาให้แม่อโหสิกรรมให้ จึงอยากให้งานศพผ่านได้ได้ด้วยดี

ด้าน นายพินิจ นพชำนาญ ประธาน อสม.บ้านอก่งกระทั่ง หมู่ 6 ตำบลนาสัก กล่าวว่านางอุทัยเป็น อสม.หมู่บ้าน แกเป็นคนดีเป็นนักกิจกรรมสังคมชอบช่วยเหลือผู้อื่น ก่อนตาย 1 วัน ช่วงเช้า อสม.บ้านแก่งกระทั่ง ได้จัดกิจกรรมร่วมกับ รพ.สต.บ้านแก่งกระทั่ง เพื่อนๆ อสม.ยังแซวแกอยู่ว่าวันนี้แต่งตัวสวยเป็นพิเศษแกก็ยิ้มมีอาการเป็นปกติ หลังจากงานกิจกรรมเลิกต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน

ประธาน อสม.บ้านแก่งกระทั่งกล่าวต่อว่า ต่อมาเวลาประมาณทุ่มกว่าๆ นางอุทัยโทรศัพท์มาหาตนมีเสียงร้องสะอื้น แล้วตนก็ถามว่าเป็นอะไร นางอุทัยตอบกลับมาว่าตนไม่ไหวแล้วขอลาก่อน ตนก็พยายามสอบถามปลอบใจแล้วเสียงก็ขาดหายไป มาร้อีกทีแกเผาตัวตายพร้อมกับหลานสาว แล้วตนก็รีบไปที่เกิดเหตุ เมื่อเห็นศพแล้วดูไม่ได้รู้สึกสลดใจมาก จึงได้ต้องเดินทางกลับ

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของน้องสาวนางอุทัยผู้ตายซึ่งอยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุ ซึ่งลูกผู้ตายระบุว่าได้กู้ยืมเงินแม่ไป 6 หมื่น แล้วไม่คืนจนแม่ไปทวงถามหลายครั้งแถมยังถ้าให้ไปฟ้องเอาเอง โดยผู้สื่อข่าวพบกับ นายขจัด ทองศิริ อายุ 53 ปี หรือ”บ่าวจูด” (ขอปิดนามเบลอหน้าด้วย) บอกว่าภรรยาตนยังไม่พร้อมที่จะให้ข้อมูล ซึ่งตนเพิ่งจะมาอยู่กินกับภรรยาได้ประมาณ 2 ปี ภรรยาตนบอกว่าความไม่ได้เป็นไปตามที่ลูกสา ผู้ตายพูด และเรื่องนี้ภรรยาตนก็บอกกับตนมาตลอดว่า เรื่องกู้ยืมเงินจากพี่สาวนั้นจริงๆแล้วยืมมาเพียง 2 หมื่นเท่านั้น และภรรยาตนเองก็พร้อมจะให้คืน แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ จึงทำให้ยืดเยื้อมาจานถึงปัจจุบัน

“ อยากให้ผู้สื่อ่าวไปสอบถามเพื่อนบ้านด้วยว่าตน ภรรยาตนเป็นอย่างไร บ้านที่อยู่ปัจจุบันตนก็มาซื้อเอง ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะลูกสาวผู้ตายชอบไปพูดใส่ร้ายภรรยาตนมาตลอด พูดไม่เป็นความจริง จึงทำให้เกิดเรื่องขึ้น” บ่าวจูดกล่าว///เอกชนะ นวนละมัย ผู้สื่อข่าวภูมิภาคจ.ชุมพร098-9515199

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *