สคอ.ค้านธุรกิจน้ำเมาขยายเวลาเปิดผับตี 4

สคอ.ค้านธุรกิจน้ำเมาขยายเวลาเปิดผับตี 4

วันที่ 18 ต.ค. 66 – จากข่าวความพยายามของคนในธุรกิจผับบาร์หรือร้านเหล้าที่ต้องการจะเปิดให้บริการถึงตี 4 หรือบางแห่งถึงกับลั่นขอเปิดตลอด 24 ชั่วโมง และมีบางจังหวัดพร้อมที่จะทำตามนั้น เรื่องดังกล่าว นายพรหมมินทร์ กัณธิยะ ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ ) กล่าวว่า สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ ขอคัดค้านการเปิดให้บริการสถานบันเทิงถึงตี 4 เพราะขณะนี้ความพยายามของกลไกรัฐที่ต้องรับภาระกับปัญหาหรือผลกระทบทางสังคมที่เกิดขึ้นแทบจะรับมือไม่ไหวกันอยู่แล้ว ต้องกลับมาทบทวนกันใหม่ว่า ตกลงเรามีฝ่ายการเมืองไว้รับรู้และแก้ไขปัญหาของคนกลุ่มใหญ่ หรือเป็นเพียงแค่เครื่องมือของคนบางกลุ่ม เพราะที่ผ่านมาได้มีการลงทุนลงแรง วิเคราะห์วิจัย รวบรวมข้อมูล สถิติ ที่เป็นผลกระทบและส่งผลให้เกิดความสูญเสียและนำไปสู่การออกมาตรการแก้ไขมาโดยตลอดและปัจจุบันเราต่างก็ทราบกันดีว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นส่งผลกระทบทั้งระยะสั้นระยะยาวต่อประชากรในประเทศ ความสูญเสียเกิดขึ้นกับบุคคล ครอบครัว ค่าใช้จ่ายโดยรวมของประเทศมาโดยตลอด คนส่วนใหญ่ต้องแบกรับภาระจ่ายภาษีแล้วนำไปใช้กับการแก้ไขปัญหา ในขณะที่ภาคธุรกิจที่มีผลประโยชน์จากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แทบจะไม่สนใจใยดี ทุกมาตรการที่รัฐกำหนดล้วนเกิดจากสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง มาตรการลดการเข้าถึงในบางกลุ่ม ลดการจำหน่ายในบางช่วง ล้วนแต่พยุงให้ปัญหามันทุเลาเบาบางลง ให้อยู่ด้วยกันต่อไปได้ แต่เพียงเพราะผู้มีผลประโยชน์ทับซ้อนบางกลุ่มได้เข้ามามีบทบาททางการเมือง ถึงกับจะแก้ไขกฎเกณฑ์เพียงเพราะผลประโยชน์ของตนและพวกพ้อง ถึงกับอาศัยเรื่องระบบเศรษฐกิจมาเป็นข้ออ้าง ถามจริงความร่ำรวยที่ต้องแลกด้วยชีวิต และหยาดเหงื่อของคน อื่นมันน่าชื่นชมนักหรือ

นายพรหมมินทร์ กล่าวต่อว่า เด็กและเยาวชนรวมถึงผู้ใช้แรงงานเข้าถึงแอลกอฮอล์ได้ง่าย อุบัติเหตุทางถนนที่เกิดจากการดื่มแล้วขับก็เกิดขึ้นบ่อย ประชากรกลุ่มนี้ลดลงอย่างต่อเนื่อง จนวันนี้ส่งผลกระทบต่อฐานประชากร ขาดแคลนแรงงาน คนรุ่นใหม่ที่จะมารับมือต่อ ต้องพึ่งพาแรงงานจากต่างประเทศจำนวนมากมาขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ เราก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มตัวอย่างเห็นได้ชัด หากปล่อยให้ประเทศชาติขาดแคลนกำลังคน “ สูงวัย ตายเร็ว เกิดน้อย ” กันแบบนี้ไปเรื่อย ๆ โดยไม่คิดจะแก้ไข ก็เสมือนกับเดินเข้าสู่หายนะ

“ อยากเห็นฝ่ายการเมืองมองที่ผลประโยชน์ของคนทั้งประเทศเป็นหลัก มิใช่ผลประโยชน์ของตนหรือคนบางกลุ่มเท่านั้น ฝ่ายการเมืองต้องทำหน้าที่กำหนดมาตรการแก้ไขป้องกัน หรือให้การสนับสนุนหน่วยงานองค์กรที่ต้องรับมือกับปัญหาเหล่านั้นให้สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ นักการเมืองต้องไม่ทำตัวเป็นภาระของสังคม ขืนปล่อยให้ดื่มกินอย่างเสรี ข้ามวันข้ามคืน โดยไม่สนใจ เอาตัวอย่างประเทศอื่นมาเป็นข้ออ้าง หากเป็นเรื่องที่ดีงาม ส่งผลดีกับประชากรส่วนใหญ่ทั้งประเทศ ก็จะไม่ว่ากระไร แต่หากคิดแต่ผลประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้งจะให้พวกเราเห็นด้วยได้อย่างไร”

การที่สังคมออกมาเตือน อย่าได้มองเป็นเพียงอุปสรรคทางธุรกิจ เพราะนี่มันเป็นอนาคตของคนไทยทั้งประเทศ เพราะเมื่อถึงวาระสุดท้าย เงินก็หามีประโยชน์ไม่ ความมั่นคงของประเทศชาติ ความเป็นอยู่ของลูกหลานในอนาคตคือสิ่งที่ฝ่ายการเมืองต้องควรคำนึง และยึดมั่นที่จะลงมือกระทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติกันอย่างจริงจัง และขอส่งสัญญาณเตือนมายังผู้ประกอบการธุรกิจน้ำเมาดังนี้

น้ำเมาเป็นสินค้าอันตรายที่ส่งผลต่อสุขภาพ ความสงบสุขและความปลอดภัยของคนทั้งประเทศ
ธุรกิจน้ำเมา เป็นการหากินจากหยาดเหงื่อแรงงานและชีวิตของคนทั้งประเทศโดยอาศัยจุดอ่อนของพวกเขาเป็นเครื่องมือ การส่งเสริมการขาย การโหมโฆษณา การขยายกลุ่มลูกค้าหน้าใหม่ เป็นการทำลายรากฐานความมั่นคงทางสังคม
การพยายามแก้ไข ยกเลิกกฏเกณฑ์ เพื่อผลประโยชน์ส่วนตนถือเป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจ
ทุกวันนี้ธุรกิจน้ำเมา มีความร่ำรวย มากมีทรัพย์เงินทอง มากมายกันอยู่แล้ว อย่าทำลายสังคมไปมากกว่านี้
//////////////////////////////////////////////////////////

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *