ชายชาวอเมริกันวัย 70 ปี อยู่บ้านลำพัง ภรรยากลับบ้านต่างประเทศ จู่ๆเกิดระเบิดดังสนั่นบ้านไฟลุกไหม้คลอกดับสลด ตร.เร่งหาสาเหตุ

 

ชายชาวอเมริกันวัย 70 ปี อยู่บ้านลำพัง ภรรยากลับบ้านต่างประเทศ จู่ๆเกิดระเบิดดังสนั่นบ้านไฟลุกไหม้คลอกดับสลด ตร.เร่งหาสาเหตุ

 

 

เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 3 กรกฎาคม 2567 ตำรวจ สภ.ท่าม่วง รับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านในพื้นที่บ้านหัวกรวย หมู่ 4 ต.ท่าล้อ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี จึงได้ประสานไปยังเทศบาลตำบลท่าล้อให้นำรถดับเพลิงเข้าระงับเหตุ พร้อมประสานอาสาสมัครมูลนิธิขุนรัตนาวุธเข้าอำนวยความสะดวกในพื้นที่

 

 

ในที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียวสามหลังปลูกติดกันในพื้นที่เดียวกัน โดยต้นเพลิงลุกไหม้ขึ้นหลังที่สาม ซึ่งตัวบ้านมีไม้เป็นส่วนประกอบ มีอุปกรณ์เครื่องมือช่าง ถังสีฯลฯ ทำให้เพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงได้ระดมฉีดน้ำไม่ให้ไฟลุกลามไปยังบ้านข้างเคียง โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงควบคุมเพลิงไว้ได้

 

 


หลังเพลิงสงบลงได้เข้าตรวจสอบภายในตัวบ้านพบมีร่างผู้เสียชีวิต 1 ราย ถูกไฟคลอกจนเสียชีวิต ต่อมาทราบชื่อคือนายสตีเฟน อายุประมาณ 70 ปี เป็นชาวอเมริกัน โดยรอบที่เกิดเหตุพบเครื่องมือช่างเป็นจำนวนมาก คาดว่าผู้ตายน่าจะมีอาชีพเป็นช่าง
โดยนายนพพล สุกิจปราณีนิจ นายอำเภอท่าม่วง ทราบเรื่องจึงเดินทางมาดูในที่เกิดเหตุด้วยตนเอง พร้อมด้วย กำนัน ผู้ใหญ่ นายกเทศมนตรีตำบลท่าล้อ เจ้าหน้าตำรวจ สภ.ท่าม่วง
จากการสอบถามเพื่อนบ้านรายหนึ่ง บอกว่า ช่วงประมาณตีหนึ่งกว่าๆ ได้ยินเสียงคลายเหมือนระเบิดดัง จึงรีบออกมาดู เพราะดังสนั่นหวั่นไหว ก่อนที่จะมีไฟลุกไหม้ขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้ามาดับไฟ
ต่อมาเพื่อนชาวอเมริกันของผู้ตายได้เดินทางมาดูที่เกิดเหตุพร้อมกับภรรยา โดยบอกว่า ผู้ตายได้มาเช่าอาศัยอยู่ที่นี่ได้เกือบ 2 ปี แล้วอาศัยอยู่ภรรยาเป็นชาวฟิลิปปินส์ อายุประมาณ 50 ปี มีอาชีพเป็นครูสอนภาษาที่กรุงเทพฯ โดยเมื่อ 2 วันที่แล้วทางภรรยาของผู้ได้เดินทางกลับประเทศเพื่อไปเยี่ยมครอบครัวและจะเดินกลับไทยได้ต้องครบ 10 วันก่อน ไม่สามารถติดต่อได้ ทำให้ผู้ตายอาศัยอยู่บ้านเพียงลำพัง มีนิสัยชอบดื่มเหล้าเป็นชีวิตจิตใจ

เบื้องต้นคาดว่าสาเหตุการระเบิดมาจากถังสี เพราะผู้ตายเป็นช่าง และชอบต่อเติมบ้าน แต่อย่างไรก็ตามทางตำรวจจะได้ให้พิสูจน์หลักฐานมาเก็บรายละเอียดว่าสาเหตุของการระเบิดในครั้งนี้เกิดมาจากอะไรกันแน่เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.

 

 

 

รักษพล พุ่มพฤกษ์
ภาพ-ข่าว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *