กราบเรียนท่านประธานสภาผู้แทนราษฎรทีเคารพ ผมนายบัญชา เดชเจริญศิริกุล สมาชิกสภาผู้แทนแบบบัญชีรายชือพรรคท้องทีไทย ครับ
ผมจะขออภิปราย เรืองเกียวกับกระทรวงพาณิชย์ครับ ทีเกียวกับการใช้งบประมาณตามโครงการต่าง ๆ ทีผ่านมา เช่นโครงการรับจํานําข้าว
และโครงการประกันรายได้ ทีต้องใช้งบประมาณในแต่ละปีนัน ประมาณทีแปดหมืนล้าน ถึงเก้าหมืนล้าน หรือในบางปีเป็นแสนล้านก็มี
โดยทั้งโครงการรับจํานํา และโครงการประกันรายได้ เนืองจากต้องจ่ายส่วนต่างให้กับเกษตรกร แต่สิงทีน่าเป็นห่วง คือทีมีการถูกตัดงบประมาณไป
ยังโชคดีทีราคาข้าว ข้าวโพด หรือมันสําปะหลัง ยังมีราคาทีดีอยู่ แต่หากทางประเทศอินเดียเปิดการส่งออกข้าวเมือไหร่ จะมีผลกระทบต่อเกษตรกร
ของประเทศเราโดยทันที ในส่วนโครงการรับจํานําข้าว ผมมองถึงข้อกังวล ทีพูดกันมาโดยตลอด ตรงนีผมขออนุญาตอธิบายเพิ่มเติมให้ทุกท่านฟัง
นะครับ ๑.ขั้นตอนการจํานําข้าว เมือเกษตรกรนําข้าวมาจํานําทีโรงสี โรงสีมีหน้าทีส่งเข้าคลัง และจากนั้น อกส.มีหน้าทีประมูลขาย ตาม เปอร์เซ็น
ของข้าวแต่ละเกรด ซึ่งประกอบด้วย ข้าวเหนียว ข้าวเจ้า ข้าวหอมมะลิ ก็จะได้ราคาดี ส่วนข้อเสียในโครงการรับจํานําข้าวคือ เจ้าหน้าที
ของกรมการค้าต่างประเทศทีได้ออกใบ P.O.ขาย ร่วมกับเอกชน ทีเป็นข่าวถูกดําเนินคดีกันไป และเมื่อมีการรัฐประหาร ทาง
คสช.ได้เข้าดําเนินการเกียวกับเรืองข้าว ก็ทําให้รัฐเกิดความเสียหายอีกเป็นแสนล้าน จากการ ขายข้าว ซึ่งการขายข้าวเป็นวิธีทีผิดแปลก
และผิดปกติในประเทศไทย ไม่เคยมีการทําแบบนี้มาก่อน ในการทํางานของกระทรวงพาณิชย์ เท่าทีดูผมยังไม่เห็นการแบ่งเกรดข้าวออกเป็นเกรดเอ
เกรดบี เกรดซีเลย การที คสช.ขายข้าวไป ทําให้เกิดความเสียหายเป็นแสนล้าน มาจาก การขายเกรดเอ เกรดบีขายเพื่อบริโภค เกรดซี
ก็ทําการขายเป็น เอทานอล หรือไปทําปุ๋ย ซึ่งจริง ๆ แล้ว ข้าวเกรดซี ยังเป็นข้าวที่ดีมีคุณภาพสามารถบริโภคได้ แต่กระบวนการตรวจสอบในการ
นําข้าวออกจากคลังแล้วนําไปใส่ไว้ในตู้คอนเทนเนอร์ ที่ อกส.และ อตก.มีการทําตัวอย่างให้ข้าวเสียก่อน เมื่อมีการตรวจสอบ จึงกลายเป็นข้าวเสีย
ทั้งหมด และก็แจ้งว่าข้าวเกรดซี ก็เขียน TOR.กันไว้ว่า ห้ามคนบริโภค ให้บริโภคได้เฉพาะสัตว์ หรือทําปุ๋ย ทําเอทานอลเท่านั้น ก็เลยทําให้ราคาข้าว
จากกระสอบละ ๑,๐๐๐ ถึง ๒,๐๐๐ มาขายเหลือกระสอบละ ๓๐๐ ถึง ๔๐๐ บาท แต่ผลเสียไปตกกับ คลัง ทั่วประเทศ ที่ได้รับความเสียหาย กับการที่
ให้เช่าคลัง เพราะได้ค่าเช่าคลัง อยู่ที่กระสอบละ ๒ บาท แต่ต้อง รับผิดชอบกับ ราคาที่ คสช.นําข้าวไปขายในราคาถูก แต่เท่าที่ทราบมาข้าวไม่ได้นํา
ไปขายเพื่อทําเอทานอล หรือ ไปเผา แต่จริงๆ แล้ว ข้าวส่งออกได้ทั้งหมด ซึ่งหลายคนเข้าใจกันไปคนละทาง อย่างเช่น (ขอฉายสไลด์ประกอบ)
นี้คือภาพของข้าวในโครงการรับจํานํา ปี ๒๕๕๖ – ๒๕๕๗ ในภาพนี้ สภาพกระสอบที่บรรจุ อยู่ในสภาพดีมาก ก็ยังถูกขายไปในราคาข้าว เกรดซี
และขายเป็นอาหารสัตว์ (ขอสไลด์ถัดไป) ในภาพคือ ข้าวที่อยู่ในโกดัง ซึ่งระบุเป็นเกรดซี ซึ่งขายไปเมื่อห้าปีก่อน ที่ขายไปในราคากระสอบละ ๓๐๐
ถึง ๔๐๐ บาท แล้วนํา วน กลับมาขายในและต่างประเทศในราคากระสอบละ ๑,๔๐๐ ถึง ๑,๕๐๐ บาท ก็ได้กําไร กันไปมากมายของคนที่ประมูลไป แต่ก็เป็นความ
โชคดีของประเทศไทย ที่ยังคงมีหลักฐานให้เป็นที่ปรากฎซึ่งตอนนี้มีหลักฐาน อยู่ที่จังหวัดสุรินทร์ (ขอสไลด์ถัดไป) ภาพนี้เป็นภาพที่ท่านรองนายกฯ
เพิ่งไปตรวจดูเมื่อวันที่๑๔ ที่ผ่านมา ที่จังหวัดสุรินทร์ เป็นข้าวหอมมะลิที่เก็บไว้ถึง ๑๐ ปีแล้ว และยังมีอีกโกดัง ที่จังหวัดกําแพงเพชร เป็นข้าว ปี ๒๕๕๕
ประมูลปี ๒๕๖๓ ออกข้าวปี ๒๕๖๖ เป็นเวลา ๑๒ ปี ก็ยังขายได้กิโลละ ๒ บาท ดังนั�น ผมจึงขอให้กระทรวงพาณิชย์ ได้รีบนําข้าว ที่อยู่ที่จังหวัดสุรินทร์มาประมูลขาย
ในช่วงเวลานี้ ซึ่งผมมีความเชื่อว่า กระสอบต้องขายได้ราคา ๒,๐๐๐ บาทขึ้นไปแน่นอน เพราะตอนนี้ข้าวขาวราคาอยู่ที่ ๒,๐๐๐ – ๒,๑๐๐ บาทอยู่แล้ว
(ขอฉายสไลดที่ท่านรองนายกฯไปดูเมื่อวันที่๑๔ ที่ผ่านมา) ซึ่งท่านรองนายกฯยืนยันว่า ข้าวยังคง รับประทานได้ ข้าวยังมีคุณภาพดี ให้รีบขาย โดยเร็ว
เพราะยังได้ราคาดีอยู่ ผมจึงขอฝากท่านประธานผ่านไปยังกระทรวงพาณิชย์ ในส่วนของคนที่ยังเดือดร้อนถูกดําเนินคดีในเรื่องโคนงการรับจํานําข้าว
อีก หนึ่งพันถึงสองพันคดีที่พวกเขาเหล่านัันไม่ได้กระทําความผิด แต่เป็นกระบวนการที่ผิดปกติ ทําให้ พวกเขาเดือดร้อน
มีผู้ประท้วง การฉายสไลด์ โดย คุณชนก จันทาทอง ข้อบังคับที่๖๙ เรื่องการอภิปรายให้อยู่ในประเด็น
ท่านประธานได้ให้ชี้แจง ต่อ เรื่องการประท้วง (ท่านประธานวินิจฉัย) เจตนาที่พูดถึงข้าวในโกดังและฉายภาพนั้น เพื่อให้กระทรวงพาณิชย์ รีบนําออกขาย
เพื่อให้ได้เงินมาชําระค่าเช่าคลัง และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เพื่อให้ได้เงินกลับคืนมา อีก สอง ถึง สามร้อยล้าน
ท่านประธาน ทําการวินิจฉัย การอภิปรายนี้ เป็นการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล
ขอขอบคุณครับท่านประธาน