สระบุรี – รองผู้ราชการจังหวัดสระบุรีพร้อมคณะทำงาน ส.ส.สระบุรีเขต2และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องประชุมแก้ไขปัญหากัดเซาะริมตลิ่งตาลเดียว แก่งคอย
วันที่13 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ห้องประชุมป่าสัก ชั้น3 ศาลากลางจังหวัดสระบุรี ตำบลตะกุด อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี ได้มีการประชุมหารือเพื่อติดตามการเเก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ดินสไลด์ บริเวณหมู่ 2 ตำบลตาลเดียว อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี คณะทำงาน ส.ส.อรรถพล วงษ์ประยูร ส.ส.สระบุรีเขต2 พรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย
นายอิทธิกร เเดงประเสริฐ เลขานุการเเละผู้
เชี่ยวชาญประจำตัว ส.ส. สระบุรีเขต2 นายอัฐภร ยาดี ผู้ชำนาญการประจำตัว ส.ส. สระบุรีเขต2 นายรณกร ธนูศร เเละนายกฤษดา เเก้วประดับ ที่ปรึกษาฯ ส.ส. สระบุรีเขต2 พร้อมด้วยคณะทำงาน ส.ส.สระบุรีเขต2 โดยมีท่านวิชัย บุญมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อรับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับสถานการณ์ สาเหตุและผลกระทบ ตลอดจนบูรณาการแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะริมตลิ่ง
สรุปสาระสำคัญการประชุมครั้งที่ 1 ได้ดังนี้ เนื่องจากสถานการณ์อุทกภัยเเละการระบายน้ำออกจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ในช่วงที่ผ่านมาส่งผลกระทบให้เกิดตลิ่งทรุด (ดินสไลด์) ณบริเวณริมตลิ่งคอสะพานตาลเดียว ทำให้บ้านเรือนของประชาชนและสถานที่สิ่งสาธารณประโยชน์ได้รับความเสียหาย โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมประชุมชี้แจงและแสดงความคิดเห็น เพื่อให้ได้ข้อมูลและรายละเอียดที่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัญหาที่เป็นจริงในพื้นที่เพื่อหาเเนวทางการแก้ไขเเละป้องกันทั้งในระยะสั้นเเละระยะยาว ประกอบด้วย สำนักงานโยธาและผังเมืองจังหวัดสระบุรี กรมเจ้าท่าพื้นที่จังหวัดลพบุรีที่รับผิดชอบ เเขวงทางหลวงสระบุรี เเขวงทางหลวงชนบทจังหวัดสระบุรี ท้องถิ่นจังหวัดสระบุรี องค์การบริหารส่วนตำบลตาลเดี่ยว พร้อมด้วยผู้นำท้องถิ่น เพื่อนำไปสู่การวางแผนเครื่องมือและงบประมาณเพื่อแก้ไข รวมทั้งในกรณีที่หลายหน่วยงานดำเนินโครงการป้องกันการกัดเซาะริมตลิ่งในพื้นที่เดียวกันหรือเขตติดต่อกัน ซึ่งการกำหนดรูปแบบเขื่อนป้องกันตลิ่งของแต่ละหน่วยงานควรเป็นไปในทิศทางเดียวกันเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อทิศทางการไหลของน้ำ รวมไปถึงการเเก้ไขปัญหาเบื้องต้นในระหว่างรอดำเนินการแก้ไขปัญหาในระยะยาว จากสาเหตุการพังทลายของตลิ่ง อันเนื่องมาจากความคดเคี้ยวของลำน้ำเเละการไหลของกระแสน้ำที่รุนแรง
โดยเฉพาะในช่วงฝนตกหนักทำให้หน้าดินถูกกัดเซาะเเละถูกพัดพาไปตามเเม่น้ำทำให้เกิดการพังทลายของเเนวตลิ่ง รวมไปถึงระดับน้ำที่มีการลดหรือเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจึงเป็นสาเหตุให้ตลิ่งทรุดตัว เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชนและส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม สภาพแวดล้อม จึงมีความจำเป็นที่จะต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพื่อลดความเสียหายและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งข้อสรุปเเนวทางการเเก้ไข ดังนี้ 1.การสร้างเขื่อนริมตลิ่ง ความยาว 66 เมตร โดยให้กรมโยธาธิการเเละผังเมืองทำการตรวจสอบพื้นที่และประเมินความเสี่ยงที่เกิดขึ้นเพื่อจัดทำแผนเสนอของบประมาณ กำหนดโครงสร้างที่มีความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่
รวมทั้งต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องของเเต่ละภาคส่วนร่วมกัน ไปจนถึงการศึกษาผลกระทบเเละการมีส่วนร่วมของชุมชนต่อการสร้างเขื่อนริมน้ำเเละการประชาสัมพันธ์ข้อมูลการก่อสร้างก่อนและหลังเหตุการณ์ที่ชุมชนผู้ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมถึงการตั้งคำถามถึงผลกระทบทางลบอื่นๆ กับชุมชน นอกจากความเสียหายทางกายภาพจากการทรุดตัวที่เกิดขึ้น เพื่อหาแนวทางการบรรเทาหรือป้องกันผลกระทบจากโครงการก่อสร้างเขื่อน2.การซ่อมเเซมตัวสะพานข้ามเเม่น้ำป่าสัก จากสภาพความเสียหายที่พบ คือ การทรุดตัวของตอม่อสะพาน ส่งผลโดยตรงต่อความสามารถในการรับน้ําหนักของสะพาน เเขวงทางหลวงชนบทจึงได้คัดเลือกวิธีการซ่อมแซมโดยคํานึงถึงข้อจํากัดของพื้นที่ในการก่อสร้าง ความจําเป็นในการเปิดใช้งานสะพานในระหว่างการซ่อมแซม และความปลอดภัยระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งบัดนี้ ทุกหน่วยงานในเเต่ละภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเเละ ส.ส.อรรถพล วงษ์ประยูรสมาชิกสภาผู้เเทนราษฎร จ.สระบุรี เขต2 ได้อำเภอเเก่งคอย อำเภอมวกเหล็ก เเละอำเภอวังม่วง ได้รับรู้เเละรับทราบปัญหาร่วมกัน เพื่อนำไปสู่การจัดทำนโยบายเเละเสนอต่อรัฐบาล ซึ่งถือเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการเเก้ไข
ส.ส. อรรถพล วงษ์ประยูร ส.ส.สระบุรีเขต2 พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้เเทนของราษฎร ถือว่าความเดือดร้อนของประชาชนเป็นงานสำคัญ พร้อมผลักดันโครงการก่อสร้างเขื่อนให้เป็นรูปธรรม วางแผนงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้ใช้ภาษีของประชาชนทุกบาททุกสตางค์อย่างคุ้มค่าเเละเกิดประโยชน์สุขต่อชาวจังหวัดสระบุรี
*********
กฤษฎา สมมาตร
รายงานข่าว
