นครพนม-ไข่พญานาคลอยเป็นสายกลางน้ำโขง สร้างสีสันงานไหลเรือไฟ อส.คือผู้อยู่เบื้องหลังความสวยงาม ปล่อยโชว์ถวายเป็นพุทธบูชาแม่คงคา

นครพนม-ไข่พญานาคลอยเป็นสายกลางน้ำโขง สร้างสีสันงานไหลเรือไฟ อส.คือผู้อยู่เบื้องหลังความสวยงาม ปล่อยโชว์ถวายเป็นพุทธบูชาแม่คงคา

DCIM100MEDIADJI_0548.JPG


*****
ผู้สื่อข่าวได้รายงานบรรยากาศการท่องเที่ยว งานประเพณีออกพรรษาไหลเรือไฟและงานกาชาด ประจำปี 2566 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-30 ตุลาคม 2566 โดยเฉพาะริมแม่น้ำโขงนับวันยิ่งคึกคัก โดยทางคณะกรรมการการจัดงาน ที่มีทุกภาคส่วนทั้งราชการและเอกชน เห็นพ้องให้มีการไหลเรือไฟโชว์คืนละ 1 ลำ เป็นการประชาสัมพันธ์ กระตุ้นเชิญชวนประชาชนนักท่องเที่ยว มาเที่ยวชมงานประกวดเรือไฟ ที่สร้างขึ้นจากวัตถุที่มีอยู่มากในท้องถิ่น องค์ประกอบหลักคือไม้ไผ่ เรือไฟ 1 ลำต้องใช้ไม้ไผ่ไม่น้อยกว่า 4 พันลำ ไฮไลท์อยู่ในคืนเดือนเพ็ญ 15 ค่ำ เดือน 11 เป็นวันออกพรรษา วันที่ 29 ตุลาคม 2566 มีเรือไฟขนาดความยาว 40-80 เมตร สูง 10-15 เมตรจากอำเภอต่างๆ ส่งเข้าประกวดครบทั้ง 12 อำเภอ รวม 12 ลำ โดยปีนี้ จ.นครพนม ร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง จัดอย่างยิ่งใหญ่ รองรับคลื่นประชาชน นักท่องเที่ยว และมีตัวเลขจากชมรมโรงแรม ว่า ที่พักถูกจองเต็มทุกแห่ง ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้ประชาชน ในพื้นที่
ขณะเดียวกันในทุกค่ำคืนของการจัดงาน มีอีกหนึ่งบรรยากาศที่พลาดไม่ได้ เข้ามามีส่วนร่วมสำคัญ ในการสร้างสีสันความสวยงามกลางแม่น้ำโขง และสร้างความตื่นตาให้กับประชาชน นักท่องเที่ยวทุกปี คือ การปล่อยไข่พญานาค หรือกระทงสาย
ปีนี้ก็เช่นเดียวกันกองร้อยอาสาสมัครรักษาดินแดน หรือ อส.ที่ 1 นครพนม ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ร่วมแรงร่วมใจกันจัดทำกระทงสาย หรือไข่พญานาค จากภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่มีการรับบริจาคกะลามะพร้าวจากชาวบ้าน ในอำเภอต่างๆ เพื่อคัดแยก ก่อนนำไปบรรจุเชื้อเพลิง ทำจากขี้เลื่อยผสมกับน้ำมันยางนา และน้ำมันดีเซล คล้ายตะเกียงไฟ และนำไปจุดไฟปล่อยให้ไหลล่องไปตามน้ำโขง ส่งแสงสวยงามยามค่ำคืน ชาวบ้านเรียกไข่พญานาค หรือกระทงสาย สร้างสีสัน ตระการตา โชว์ประชาชน นักท่องเที่ยวที่มาเดินชมงาน
โดยได้มีการปล่อยกระทงสาย หรือไข่พญานาคทุกคืน คืนละ 3,000 -5,000 ดวง ส่วนคืนไฮไลท์วันออกพรรษา จะมีการปล่อยนับ 10,000 ดวง เพื่อสร้างความตื่นตาให้กับประชาชน นักท่องเที่ยว ควบคู่กับการชมการประกวดไหลเรือไฟ จากตัวแทนชาวบ้าน จำนวน 12 ลำ โดยทางเจ้าหน้าที่กำลังพล อส. ถือเป็นกลุ่มผู้อยู่เบื้องหลังความสวยงาม ที่ต้องเหน็ดเหนื่อย แต่ภาคภูมิใจที่ได้สร้างความประทับใจให้กับประชาชน นักท่องเที่ยว และสืบสานประเพณีอันดีงามของ จ.นครพนม ที่มีมาแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
//ภาพ-ข่าว//พงศ์สุคนธ์ คุณธรรมมงคล//นครพนม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *