ลำปาง -พังครืน ผนังกำแพงวิหารพุทธสถานวัดโป่งชัยที่มีอายุเก่าแก่หลายร้อยปี เกิดพังทลายลงมา คาดเกิดจากรับน้ำฝนมากเกินไป

ลำปาง -พังครืน ผนังกำแพงวิหารพุทธสถานวัดโป่งชัยที่มีอายุเก่าแก่หลายร้อยปี เกิดพังทลายลงมา คาดเกิดจากรับน้ำฝนมากเกินไป

เมื่อเวลา 03:51 น.วันที่ 24 ต.ค. 2566 ที่ จ.ลำปาง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระอุกกิจ อธิจิตโต พระผู้อยู่จำพรรษาและดูแลพุทธสถานวัดโป่งชัย ต.บ้านสา อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง เปิดเผยว่า ผนังกำแพงวิหารพุทธสถานวัดโป่งชัยที่มีอายุเก่าแก่หลายร้อยปี เกิดพังทลายลงมา ซึ่งขณะจำวัดอยู่ใกล้จะตื่นขึ้นมาทำวัตรสวดมนต์ได้ยินเสียงดังครืนกึกก้อง เพราะอยู่ใกล้กับกุฏิที่จำวัดประมาณ 5 เมตร ตกใจรีบออกไปดูใช้ไฟฉายส่องก็พบว่าผนังกำแพงวิหารพังลงมาแล้ว ตรวจสอบเบื้องต้นมีพระพุทธรูปพระประจำวันได้รับความเสียหายแตกหัก แต่มีพระประธานองค์หนึ่งซึ่งตั้งอยู่กลางผนังกำแพง แต่กำแพงที่พังล้มลงมานั้น ไม่ไปกระทบองค์ท่านเลย ท่านยังประดิษฐานอยู่ตรงเหมือนเดิม ไม่ได้รับความเสียหายอย่างไร

ส่วนความเสียหายโดยรอบก็มีพระประจำวัน แตกหักไป 3 รูป เป็นพระประจำวันเกิดวันอาทิตย์กับวันจันทร์ ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บแต่ประการใด ส่วนสาเหตุที่พังลงมาน่าจะได้รับน้ำฝนมากเกินไปจึงทำให้ผนังเก่าที่สร้างมายาวนานหลายร้อยปีอุ้มน้ำและชุ่มไปด้วยน้ำจึงพังทลายลงมา ซึ่งจะได้ตรวจสอบสาเหตุอีกครั้ง เพื่อดำเนินการต่อไป

ทั้งนี้ โบราณสถานเก่าแก่ “วัดโป่งชัย” แห่งนี้ มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่สมัยเมืองวิเชตนครอายุหลายร้อยปี ซึ่งแต่เดิมตรงจุดที่บริเวณที่วัดตั้งอยู่ก็เคยเป็นหมู่บ้านชุมชนมาก่อน มีชื่อเรียกว่า “ชุมชนบ้านโป่ง” โดยชาวบ้านได้อาศัยอยู่กินทำไร่ทำนาสืบต่อกันมาเป็นทอด ๆ จนกระทั่งเมื่อประมาณปี 2503 (ก่อนที่จะมีการก่อสร้างเขื่อนกิ่วลม) ชุมชนได้ประสบภัยครั้งใหญ่ถูกน้ำท่วมทั่วบริเวณอยู่เป็นเวลานาน ชาวบ้านไม่สามารถอาศัยอยู่ต่อได้ จึงได้มีการทยอยย้ายชุมชน บ้าน วัด โรงเรียน ออกไปตั้งอยู่ในพื้นที่อื่นที่น้ำท่วมไม่ถึง ปล่อยให้ชุมชนบ้านโป่งชัยกลายเป็นชุมชนร้าง

ต่อมาเมื่อมีการก่อสร้างเขื่อนกิ่วลม น้ำที่ไหลท่วมชุมชนก็ได้เหือดแห้งไป และไม่เกิดขึ้นอีก ทำให้บริเวณพื้นที่ชุมชนเก่าที่เคยมีบ้านเรือนปลูกสร้างกลายเป็นทุ่งนาเขียวขจี ส่วนวัดโป่งชัยก็กลายเป็นวัดร้างมีแต่ซากปรักหักพังเหมือนดั่งที่เห็น โดยในเวลาต่อมาเมื่อประมาณปี พ.ศ.2549 พระครูวิธานสาธุกิจ เจ้าอาวาสวัดบ้านแป้น ได้เข้ามาปรับปรุงบูรณะสถานที่ให้เป็นสถานปฏิบัติธรรมของพระธุดงค์ที่ชอบสันโดษสงบ และได้เคยส่งพระเข้ามาอยู่ปฏิบัติธรรมแล้วหลายรูปแต่ก็ไม่มีใครอยู่ได้นาน ปัจจุบันจึงได้มอบหมายให้พระอุกกิจ อธิจิตโต เข้ามาดูแลอนุรักษ์ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวิถีพุทธ ให้สาธุชนที่สนใจในเรื่องโบราณสถานเก่าแก่ได้เข้ามากราบไหว้สักการะศึกษาเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ เพื่อจะได้ช่วยกันดูแลรักษาอนุรักษ์โบราณสถานอันเก่าแก่และทรงคุณค่านี้ไว้ ให้คงอยู่สืบต่อไปชั่วลูกชั่วหลาน.

วินัย/ลำปาง รายงาน

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *