





เชียงใหม่- กำนันตำบลสันผีเสื้อ พร้อมทีมผู้ใหญ่บ้านและตัวแทนชาวบ้าน บุกสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดเชียงใหม่ ยื่นหนังสือติดตามสอบถามความคืบหน้าการดำเนินการตามกฎหมาย กรณี “หาดก๋ำเบ้อ” ที่เจ้าหน้าที่รัฐมีเอี่ยวบุกรุกยึดพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำปิงตั้งร้านขายเหล้าขายเบียร์กว่า 30 ร้าน เก็บค่าเช่า 70,000-100,000 บาท หลังผ่านไปเกือบครบปีแล้วที่ ป.ป.ช.สนธิกำลัง ป.ป.ท.,เจ้าท่าฯ,ตำรวจและป่าไม้ ลุยตรวจสอบทวงคืนพื้นที่ พร้อมสั่งรื้อถอนและดำเนินคดี
วันที่ 10เม.ย.68 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ประจำจังหวัดเชียงใหม่ นายธนกฤต พรมเสน กำนันตำบลสันผีเสื้อ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมผู้ใหญ่บ้านหลายหมู่บ้านในตำบลสันผีเสื้อ และตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่ เข้าพบนายนิรันดร ศรีภักดี ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อยื่นหนังสือติดตามสอบถามความคืบหน้าการดำเนินการตามกฎหมายและเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐกรณี “หาดก๋ำเบ้อ” บ้านป่าข่อยใต้ หมู่ที่2 ตำบลสันผีเสื้อ ที่เมื่อต้นปี 2567 ประชาชนในพื้นที่ร้องเรียน ป.ป.ช.ว่ามีกลุ่มบุคคลเข้าดำเนินการปรับแต่งพื้นที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำปิง และก่อสร้างสิ่งก่อสร้างเป็นร้านค้า เพื่อประกอบกิจการร้านอาหารขายอาหาร และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จำนวนประมาณ 30 ร้านค้า
ทั้งนี้ผู้ประกอบการแต่ละร้านต้องจ่ายค่าเช่าพื้นที่ จำนวน ุ70,000 – 100,000 บาทต่อราย นอกจากนี้ลูกค้าผู้ใช้บริการจะต้องจ่ายค่าจอดรถและค่าบริการใช้ห้องน้ำ โดยจะมีกลุ่มบุคคลจัดหาเครื่องดื่ม และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาจำหน่ายให้กับผู้ประกอบการ รวมทั้งดูแลพื้นที่ในบริเวณดังกล่าว และน่าเชื่อว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องในการดำเนินการ โดยได้รับผลประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเมื่อวันที่ 26 เม.ย.67 เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(บก.ปทส.) พร้อมด้วย ป.ป.ท.ภาค5,สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาจังหวัดเชียงใหม่ และสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 เชียงใหม่ ลงพื้นที่ตรวจสอบและพบการกระทำผิดหลายอย่าง พร้อมจะดำเนินการตามกฎหมาย แต่ผ่านมาเกือบครบปีแล้ว คนในพื้นที่ยังไม่ทราบข้อสรุปที่ชัดเจน
โดยเบื้องต้นทางผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดเชียงใหม่ ได้ให้การต้อนรับนายธนฤต รวมทั้งกลุ่มผู้ใหญ่บ้านและตัวแทนชาวบ้าเป็นอย่างดี จากนั้นได้มีการเชิญนายธนกฤตและกลุ่มผู้ใหญ่บ้านเป็นตัวแทนประชาชนในพื้นที่เข้าห้องประชุมเพื่อพูดคุยหารือและชี้แจงทำความเข้าใจกรณีดังกล่าวเป็นเวลาเกือบ 1 ชั่วโมง ซึ่งภายหลังการพูดคุยกันแล้ว นายธนก ฤต เปิดเผยว่า ในวันนี้ตัวเองในฐานะกำนันตำบลสันผีเสื้อ พร้อมด้วยผู้ใหญ่บ้านและตัวแทนชาวบ้าน ได้เดินทางมาติดตามสอบถามความคืบหน้าการดำเนินการตามกฎหมายกรณี “หาดก๋ำเบ้อ” ที่ประชาชนในพื้นที่ได้ร้องเรียนและ ป.ป.ช. พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ตรวจสอบแล้วเชื่อว่าน่าจะมีการกระทำความผิดจริง
อย่างไรก็ตามเนื่องจากผ่านมาจนเกือบจะครบปีแล้ว ทำให้ประชาชนในพื้นที่อยากที่จะทราบความคืบหน้า เนื่องจากเชื่อว่ากรณีดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่รัฐที่เป็นนักการเมืองท้องถิ่นและเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย จึงทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายใจและเกรงว่าผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกระทำผิจะรอดพ้นการถูกลงโทษตามกฎหมาย แต่ทั้งนี้เมื่อได้พูดคุยกับทางผู้อำนวยการสำนักงาน ป.
ป.ช.ประจำจังหวัดเชียงใหม่ ที่ได้ชี้แจงขั้นตอนกระบวนการต่างๆ ในการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่ต้องทำอย่างละเอียดรอบคอบทั้งการรวบรวมหลักฐานและสอบปากคำพยานที่มีจำนวนมากแล้ว พร้อมทั้งได้รับคำยืนยันที่จะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ตลอดจนกรอบเวลาดำเนินการที่ปกติต้องแล้วเสร็จภายใน 2 ปี จึงทำให้มีความสบายใจมากขึ้นและเชื่อมั่นว่าคนผิดจะต้องถูกกฎหมายลงโทษ ซึ่งจะได้นำความคืบหน้านี้ไปชี้แจงกับประชาชนในพื้นที่ต่อไป
สำหรับกรณี “หาดก๋ำเบ้อ” นั้น เมื่อวันที่ 26 เม.ย.67 นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายวิวัฒน์ เจริญฉ่ำ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 5 และนายจักรกฤช ตันเลิศ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายให้ นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ และนายนิรันดร ศรีภักดี ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดเชียงใหม่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ,เจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ท. เขต 5 ,สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาจังหวัดเชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 เชียงใหม่ สนธิกำลังร่วมกันเข้าตรวจสอบพื้นที่ “หาดก๋ำเบ้อ” ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 2 บ้านป่าข่อยใต้ ตำบลสันผีเสื้อ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
ทั้งนี้สืบเนื่องจากสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดเชียงใหม่ ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐและเอกชนร่วมกันปรับแต่งพื้นที่และเข้าใช้ประโยชน์ในบริเวณดังกล่าว และได้มีการก่อสร้างสิ่งก่อสร้างเป็นสถานที่จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก่นักท่องเที่ยว จึงได้มีการประสานสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงาน ป.ป.ช. และกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เพื่อร่วมดำเนินการสืบสวนสอบสวน
โดยจากการสืบสวนและลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 และสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาเชียงใหม่ ตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 แต่ปรากฏว่ามีกลุ่มบุคคลเข้าดำเนินการปรับแต่งพื้นที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำปิง และก่อสร้างสิ่งก่อสร้างเป็นร้านค้า เพื่อประกอบกิจการร้านอาหารขายอาหาร และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จำนวนประมาณ 30 ร้านค้า ซึ่งผู้ประกอบการต้องจ่ายค่าเช่าพื้นที่ จำนวน ุ70,000 – 100,000 บาทต่อราย นอกจากนี้ลูกค้าผู้ใช้บริการจะต้องจ่ายค่าจอดรถและค่าบริการใช้ห้องน้ำ โดยจะมีกลุ่มบุคคลจัดหาเครื่องดื่ม และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาจำหน่ายให้กับผู้ประกอบการ รวมทั้งดูแลพื้นที่ในบริเวณดังกล่าว และน่าเชื่อว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องในการดำเนินการ โดยได้รับผลประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เบื้องต้นจากการร่วมกันดำเนินการตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวแล้ว ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้มีการร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดต่อพนักงานสอบสวน ส่วนกรณีที่มีการกล่าวหาร้องเรียนเจ้าหน้าที่ของรัฐ สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดเชียงใหม่จะได้ดำเนินการตรวจสอบ และนำเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาไต่สวนต่อไป นอกจากนี้ หน่วยงานที่รับผิดชอบจะต้องดำเนินการเพื่อให้มีการรื้อถอนและปรับสภาพพื้นที่ให้คงสภาพตามเดิม ซึ่งกรณีในลักษณะนี้ เป็นนโยบายของสำนักงาน ป.ป.ช. ที่ได้ให้ความสำคัญกับกรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐทำการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ ลำน้ำ หรือที่สาธารณประโยชน์แล้วมีการนำไปแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดเชียงใหม่จะได้ดำเนินการตรวจสอบขยายผล และบังคับใช้กฎหมายโดยเด็ดขาดต่อไป.//////////นิวัตร ธาตุอินจันทร์ เชียงใหม่
Share this content: