สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 14 (ตาก) โชว์ผลงาน การปราบปรามปัญหาลักลอบล่าสัตว์ป่า ในเขตพื้นที่อุทยานฯ เตือนแล้วไม่ฟัง! จับกุมได้ 1 ราย พร้อมอาวุธปืนและเครืองกระสุน






วันนี้ 17 มีนาคม 2568 นายปรยุษณ์ ไวว่อง ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 14 (ตาก) มอบหมายให้ นายประวิทย์ โยธาราษฏร์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติน้ำตกพาเจริญ (เตรียมการ) นำกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เข้าสกัดและปิดล้อม สถานที่เกิดเหตุ บริเวณท้องที่หลังบ้านห้วยผักกูด หมู่ที่ 8 ตำบลพะวอ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก พิกัดที่ 470478559 UTM 1837965 หลังพลเมืองดีแจ้งว่า มีพรานป่า ตำบลมหาวัน อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ลักลอบเข้ามาล่าสัตว์ป่าในเขตพื้นที่ อย่างอุกอาจ! ข้างกายมีอาวุธปืนยาวไทยประดิษฐ์ .22 ติดอุปกรณ์เก็บเสียงปืน ขับรถจักรยานยนต์ เข้าป่าไปตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2568 เพื่อล่าสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาต จึงตั้งจุดสกัด ร่วมกับ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านห้วยผักกูดและลูกบ้านห้วยผักกูด บริเวณพิกัด 47 Q 4755559 UTM 189999565 เจ้าหน้าที่ตามท้ายบันทึก ได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์ออกมาจากท้ายหมู่บ้านห้วยผักกูด เวลา 19.28 น. พอถึงจุดสกัด ได้แสดงตัวขอตรวจค้นรถจักรยานยนต์ พบผู้ชับขี่ ชื่อ นายวี แซ่ม้า อายุ 34 ปี อยู่บ้านปางวัว หมู่ที่ 12 ตำบลมหาวัน อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก พกพาอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ติดลำกล้องเก็บเสียง ขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก อยู่ข้างลำตัวรถจักรยานยนต์ ตรวจค้นภายในรถ และกระเป๋าเป้ พบซากเหยี่ยวนกเขาชิครา จำนวน 1 ชาก เครื่องกระสุนขนาด .22 จำนวน 20 นัด, เปลนอนอน 1 ผืน, หม้อสนาม, แก้วน้ำ, และไฟแช็ค จำนวน 1 อัน ซึ่งก็ต้องยอมจํานนด้วยหลักฐาน นายวี แซ่ม้า ได้ให้การยอมรับสารภาพว่า ได้เข้าไปล่าสัตว์บริเวณป่าหลังหมู่บ้านหัวยผักกูด ตั้งแต่เวลา 04.30 น. ของวันที่ 16 มีนาคม 2568 ถึงค่ำจึงได้ขับรถออกจากป่ามาจนถึงจุดสกัด และถูกจับกุม ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ห้ามมิให้ผู้ใดล่าสัตว์ป่าสงวน และ พระราชบัญญัติ อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง ห้ามมิให้ผู้หนึ่งผู้ใดพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว ใส่ท่อเก็บเสียงประกอบใช้งานกับอาวุธปืน เพื่อทำให้เสียงเบาลงผิดปกติ ต้องระวางโทษจาคุกตั้งแต่ 1 ถึง 10 ปี และปรับเพิ่มอีก 2,000 บาทถึง 20,000 บาท จึงได้ทำบันทึกหลักฐาน พร้อมของกลางทั้งหมด ส่งให้พนักงานสอบสวนสืบสวน สถานีตำรวจภูธรพะวอ เพื่อดำเนินคดี จำคุก 3-15 ปี ปรับ 300,000 – 1,500,000 บาท
อย่างสูงสุด! ต่อไป
ภาพ / ข่าว / พิริยะ กิมวานนท์ 0969835453
Share this content: