สสส.เสริมสร้างแรงบันดาลใจ ยกย่อง เชิดชูเกียรติ ชุมชนคนสู้เหล้า/ชุมชนแหล่งเรียนรู้

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567ณห้องประชุมทองนพคุณโรงแรมประจวบแกรนด์อำเภอเมืองจังหวัดประจวบคีรีขันธ์นายปรีดา สุขใจ ปลัดจังหวัดประจวบศีรีขันธ์เป็นประธานประชุมและมอบเกียรติบัตรเชิดชูเกียรติชุมชนคนสู้เหล้า/ชุมชนแหล่งเรียนรู้เวทีเสวนา
เวทีเสวนารับฟังความคิดเห็นเพื่อเรียกร้องในการปกป้องและลดผลกระทบด้านปัจจัยเสี่ยงเด็ก เยาวชนของ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ณ ห้องประชุมทองนพคุณ ชั้น 2 โรงแรมประจวบแกรด์ อ..เมือง จ.ประจวบศีรีชันธ์
โดยมีนางสาวธนพร บางบัวงาม ผู้ประสานงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าจังหวัดประจวบฯ(สคล.สสส.)นายสุวรรณ ทองกลอยประธานอนุกรรมการพิจารณาคดีประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตัวแทนสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ผู้คณะครูตัวแทนเยาวชนจากโรงเรียนประจวบวิทยาลัยกิตติคุณ พร้อมด้วยประธานเครือข่ายชุมชนต่างๆของจังหวัด

ประจวบคีรีขันธ์และผู้รับมอบใบประกาศเชิดชูเกียรติชุมชนคนสู้เหล้า/ชุมชนแหล่งเรียนรู้เข้าร่วมเสนากว่า 100 คน
นางสาวธนพร บางบัวงามผู้ประสานงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าจังหวัดประจวบฯ(สคล.สสส.) กล่าวว่าสำหรับโครงการในวันนี้เป็นเวทียกย่องเชิดชูชุมชนคนสู้เหล้านะคะและชุมชนแหล่งเรียนรู้ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2552 เมื่อก่อนนี้เราดำเนินการในเรื่องของคนต้นแบบงดเหล้าเข้าพรรษาอย่างเดียวแล้วก็ดำเนินการกันมาเรื่อยๆต่อเนื่องต่อเนื่องก็จะเป็นเรื่องของแบบชุมชนคนสู้เหล้างดเหล้าเข้าพรรษาแล้วก็ชุมชนแหล่งเรียนรู้ที่มีชุมชนที่เป็นนามธรรมและกลายเป็นรูปประธรรมดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องสำหรับโครงการในวันนี้คือแนวทางในการดำเนินงานที่สำคัญมากโดยใช้ประเด็นความห่วงใยของเยาวชนของเราก็คือร่วมรณรงค์และดำเนินการให้การจัดงานบุญประเพณีและเทศกาลต่างๆในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ปลอดเหล้าปลอดภัยเพื่อรับเพื่อลดอุบัติเหตุความสูญเสียลดปัญหาทะเลาะวิวาทอาชญากรรมและความรุนแรงในครอบครัวและก็ไม่ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์กิจกรรมส่งเสริมการตลาดของธุรกิจแอลกอฮอล์ในรูปแบบต่างๆทั้งในหน่วยงานภาครัฐสถาบันการศึกษาและชุมชนการร่วมการส่งเสริมกิจกรรมที่แสดงถึงคุณค่าทางประเพณีวัฒนธรรมและมีความรับผิดชอบต่อสังคมและเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เด็กและเยาวชนและครอบครัวร่วมรณรงค์ชุมชนคนสู้เหล้า/งดเหล้าเข้าพรรษาในชุมชนเป็นผู้ขับเคลื่อนช่วยชมเชียร์ลดละเลิกและควบคุมบังคับใช้

กฎหมายกฎกติกาชุมชนลดความรุนแรงลดอุบัติเหตุลดการเจ็บป่วยและส่งเสริมครอบครัวให้เข้มแข็งมีความสุขการส่งเสริมการสนับสนุนและส่งเสริมคุณภาพชีวิตผู้ได้รับผลกระทบจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สิ่งเสพติดต่างๆที่สำคัญเลยสถานศึกษาจัดการการศึกษาการเปิดพื้นที่กิจกรรมชุมชนร่วมสมัยสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโตของเด็กและเยาวชนให้ห่างไกลจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆเป็นพลเมืองที่ดีมีคุณภาพในอนาคตอันนี้เป็นปัจจัยหลักในการดำเนินงานของในปีนี้นางสาวธนพร บางบัวงามกล่าว

ด้านนายสุวรรณ ทองกลอย ทนายที่ปรึกษาผู้ประสานงาน สสส.กล่าวว่ากฎหมายยาเสพติดตอนนี้มันแก้ไขใหม่มาประกาศใช้แทนกฎหมายเก่ากฎหมายเก่าพระราชบัญญัติ 10 ปี 2522 ต่อมาก็ได้มีการพัฒนาและก็แก้ไขใหม่เป็นประมวลกฎหมายยาเสพติดปี 64 ซึ่งเนื้อหาสาระมันก็ใกล้เคียงกันแต่ว่าลักษณะของจำนวนยาเสพติดในการที่เขาครอบครองนั้นในกฎหมายเก่าพ.ศ 2522 ถ้าใครครอบครองเกิน 15 เม็ดให้ถือว่าครอบครองไว้เพื่อจำหน่ายแต่พอมาในพ.ศ 2564 เนี่ยพฤติการณ์ในการจำหน่ายนั้นจะต้องคือทางตำรวจหรือเจ้าพนักงานอัยการฟ้องโจทก์จะต้องเป็นคนนำสืบว่าจำเลยกับความผิดแต่เมื่อปี 2522 นั่นถ้าเกิน 15 เม็ดเป็นกฎหมายปิดปากซึ่งมันก็พัฒนากลายมาเป็นว่าต่อไปต้องนำสืบเพราะเห็นได้ว่าในการที่จำหน่ายมันจะต้องมีพฤติการณ์ในการค้าขายเช่นมีการขายมีการซื้อหรือต้องมีการล่อซื้อแต่เขาก็ได้เพิ่มโทษจากกฎหมายเก่าต่อมาก็ใช้ครอบครองเพื่อจำหน่ายมันก็จะมีความผิดมูลฐานหนักกว่าเดิมหรือเหมือนกันใช้มาตรา 145 ครอบครองธรรมดาก็ตั้งแต่ 0 ปีถึง 2 ปีและปรับตั้งแต่ 200,000 ถึง 1 000.000บาทแต่ถ้าเข้าวรรค 2 คือ 1 เพื่อการขายและมีอาวุธปืนด้วยพวกนี้อัตราโทษหนักขึ้นไปสูงขึ้นไปแล้วก็ต่อไปถ้าเป็นผู้ค้าหรือเป็นผู้ผลิตหรือผู้ค้ารายใหญ่อาจจะโดนถึงประหารชีวิตปรับตั้งแต่ 1 .000.000ถึง 5 .000.000บาทฎหมายปี 22 โทษปรับก็ถือว่าเมื่อมีการกักขังแทนค่าปรับแล้วออกมาก็ถือว่าจบเมื่อมีการลงโทษแต่ปัจจุบันถ้าเราถูกค่าปรับค่าปรับนี้จะเหมือนประมวลกฎหมายแพ่งคือการยึดทรัพย์มีอายุความ 10 ปีถ้าบุคคลนั้นพ้นโทษออกมาแล้วยังไม่ได้ชำระค่าปรับตรงนี้ถ้ามีทรัพย์สินใดเขาก็สามารถยึดเข้ากองทุนได้อันนี้คือความแตกต่างกฎหมายเก่าระหว่างปี 22 กฎหมายใหม่ปี 64 ที่ประกาศแทนกฎหมายเก่า ทนายสุวรรณ ทองกลอยกล่าว