พังงา-เจ้าหน้าเร่งนำซากพะยูนแม่ลูกเกยตื้นเกาะหมากน้อย ส่งผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตาย ทส.สั่งตั้งวอร์รูมแก้ไขปัญหาพะยูนเสียชีวิต
เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 (สทช.6) โดยส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล และส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่ง จัดส่งเรือ พร้อมเจ้าหน้าที่สนธิกำลังกับอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์พะยูนเสียชีวิตเกยตื้น ในพื้นที่เกาะหมากน้อย หมู่ที่ 4 ตำบลเกาะปันหยี อำเภอเมือง จังหวัดพังงา พิกัด 451498E 915636N หลังจากได้รับแจ้งจากอาสาสมัครพิทักษ์ทะเลว่าพบซากพะยูนเพศเมีย 2 ตัว เสียชีวิตเกยตื้นชายฝั่งทะเล บริเวณแหลมประตก เกาะหมากน้อยจากการตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นพะยูนเพศเมียทั้ง2ตัวและคาดว่าน่าจะเป็นพะยูนแม่ลูกกัน ตัวที่ 1 มีขนาดความยาวตลอดลำตัว 3.20 เมตร และตัวที่ 2 มีขนาดความยาวตลอดลำตัว 2.20 เมตร สภาพซากทั้ง 2 ตัว
สดสมบูรณ์ ตลอดลำตัวไม่พบบาดแผล เบื้องต้นคาดว่าตายด้วยอุบัติเหตุที่ไม่สามารถยืนยันได้ จึงได้นำซากพะยูนขึ้นเรือนำส่งให้เจ้าหน้าที่ศูนย์ช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายากสิรีธาร ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน ภูเก็ต ที่มทารอรับที่บ้านบางพัฒน์ เพื่อนำไปทำการผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตายต่อไป ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ประชุมชาวบ้านให้ความรู้เรื่องของพะยูนที่คาดว่าน่าจะมีการอพยพมาจากพื้นที่จังหวัดตรังที่ประสบปัญหาหญ้าทะเลตาย เข้ามาหากินหญ้าทะเลที่ยังมีความสมบูรณ์ในอ่าวพังงา เนื่องจากที่ผ่านมาชาวบ้านบอกว่าไม่เคยเจอพะยูนในพื้นที่เกาะหมากน้อยเลย
ล่าสุดมีรายงานว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงฯ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานฯ ได้สั่งการนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ นายเพิ่มศักดิ์ คงแก้ว ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 (นครศรีธรรมราช) และหัวหน้าอุทยานแห่งชาติทางทะฝั่งอันดามันจัดประชุมหารือร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จากกรณีพบการตายของพะยูน สัตว์ป่าสงวนใกล้สูญพันธุ์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะปี 2567 พบพะยูนตายแล้วถึง 20 ตัว เพื่อร่วมกันวิเคราะห์หาแนวทางในการกำหนดมาตรการในการดูแลคุ้มครอง ป้องกัน การบาดเจ็บและเสียชีวิตของสัตว์ทะเลหายากโดยเฉพาะพะยูน ซึ่งปัจจุบันพบการเกยตื้นหรือการตายของพะยูนเพิ่มมากขึ้น สืบเนื่องจากสภาวะโลกร้อนทำให้ทรัพยากรแหล่งหญ้าทะเลซึ่งเป็นแหล่งหากินของพะยูนมีแนวโน้มเสื่อมโทรมส่งผลให้มีการเคลื่อนย้ายประชากรพะยูน ไปยังแหล่งหญ้าทะเลอื่น ซึ่งอาจมีกิจกรรมสัญจรทางน้ำและกิจกรรมประมงจำนวนมาก อันส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตและอยู่อาศัยของพะยูน และเกิดเหตุเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางน้ำได้ โดยอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ได้นำเสนอมาตรการอนุรักษ์พะยูนและแหล่งหญ้าทะเล ในการจัดทำเครื่องหมายแสดงเขตหญ้าทะเลและพื้นที่เสี่ยงที่พะยูนใช้ในการเดินทางอพยพหากิน เพื่อจัดทำเป็นมาตการและข้อปฏิบัติในการดูแลคุ้มครองพะยูนและแหล่งหญ้าทะเลในพื้นที่ เพื่อเป็นประกาศอุทยานแห่งชาติ เพื่อเป็นกรณีตัวอย่างการปฏิบัติในพื้นที่และขยายผลไปยังพื้นที่ป่าอนุรักษ์ทางทะเลในพื้นที่ ต่อไป
พร้อมได้ร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กำหนดแนวทางสำหรับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุของพะยูน ในพื้นที่การแพร่กระจายของพะยูนและแหล่งหญ้าทะเล บริเวณอ่าวพังงา จำนวน 11 พื้นที่ ได้แก่ 1.อ่าวตังเข็น ภูเก็ต 2.อ่าวป่าคลอก ภูเก็ต 3.อ่าวบ้านคลองเคียน พังงา 4.เกาะหมาก พังงา 5.ช่องหลาด เกาะยาว พังงา 6.อ่าวท่าปอม กระบี่ 7.อ่าวนาง กระบี่ 8.อ่าวน้ำเมา กระบี่ 9.เกาะศรีบอยา เกาะปู กระบี่ 10.เกาะลันตา กระบี่ และ 11.แหลมไทร กระบี่ โดยมีมาตรการดังนี้
1. หากมีการพบเห็นพะยูนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ให้โทรแจ้งสายด่วนหมายเลข 1362 เพื่อ อส.และ ทช. จะประสานเจ้าหน้าที่ในบริเวณใกล้เคียงเข้าไปช่วยเหลือเพื่อนำส่งศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ทะเลหายาก ของทช. ที่มีอยู่ในพื้นที่
2. ประกาศให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวและประชาชนที่ใช้ยานพาหนะในการสัญจรทางน้ำ เดินเรือตามแนวร่องน้ำหลักโดยขอความร่วมมือให้งดการเดินเรือในบริเวณแหล่งหญ้าทะเล และหากจำเป็นต้องเดินเรือผ่านแนวเขตหญ้าทะเล โดยให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 3 น๊อต และไม่เกิน 20 น๊อต ในพื้นที่ชายฝั่งที่เป็นเขตการแพร่กระจายพะยูน
และ 3. ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่ประกอบอาชีพประมงในพื้นที่หญ้าทะเลและแหล่งแพร่กระจายของพะยูน หมั่นตรวจเช็ค ดูแลเฝ้าระวังเครื่องมือประมงขณะทำการอย่างต่อเนื่อง หรือหลีกเลี่ยงการทำประมงในพื้นที่ดังกล่าว รวมถึงบูรณาการร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชนในพื้นที่ทั้งนี้ อส.และ ทช จะทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงคอยให้คำแนะนำ ทำความเข้าใจ และเพิ่มเติมความรู้ในด้านต่างๆ อาทิเช่น งดการใช้เครื่องมือประมงที่เป็นอันตรายต่อชีวิตพะยูนในแหล่งที่อยู่อาศัยของพะยูน หรือในแหล่งหญ้าทะเล ปฏิบัติตามกฎหมาย และไม่ทำประมงในพื้นที่ที่มีพะยูนอาศัยอยู่ เป็นต้น นอกจากนี้ ทั้งสองหน่วยงานจะได้ร่วมกันนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยการบินสำรวจจำนวนประชากรของฝูงพะยูน เพื่อตรวจสอบจำนวนและวางแผนอนุรักษ์พะยูน รวมถึงการลาดตระเวนเฝ้าระวังไม่ให้มีเรือเข้าไปรบกวนหรือทำประมงผิดกฎหมาย ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อฝูงพะยูน อย่างไรก็ตาม กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชและกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จะดำเนินมาตราการตามกฎหมายและระเบียบอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดการอนุรักษ์และคุ้มครองพะยูน หากพบว่ากิจกรรมจากการท่องเที่ยวและนำเที่ยว หรือการประมง เป็นสาเหตุการตายของพะยูน จะบังคับใช้มาตรการปิดการท่องเที่ยวและกันพื้นที่เข้าออกในเขตอุทยานแห่งชาติ เขตอนุรักษ์สัตว์ป่า และพื้นที่คุ้มครองทางทะเล ทั้งนี้ ได้สั่งการให้หน่วยในสังกัดดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการ และประชาชนที่ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ทางทะเลและชายฝั่งได้รับทราบถึงแนวทางการป้องกันและช่วยเหลือพะยูนต่อไป
ขนกวรรณ พรหมทอง ผู้สื่อข่าวพังงาโทร
0821569162