นครพนม- แห่รับขวัญ“โอเล่” แรงงานหนุ่มรอดจากสมรภูมิรบ ขอบคุณรัฐบาลไทย พากลับสู่อ้อมกอดแม่ เปิดใจยังคิดถึงอิสราเอล พาหลุดพ้นความจน โชว์บ้านในฝันกว่า 2 ล้านบาท

นครพนม- แห่รับขวัญ“โอเล่” แรงงานหนุ่มรอดจากสมรภูมิรบ ขอบคุณรัฐบาลไทย พากลับสู่อ้อมกอดแม่ เปิดใจยังคิดถึงอิสราเอล พาหลุดพ้นความจน โชว์บ้านในฝันกว่า 2 ล้านบาท


*****
มีความคืบหน้าเกี่ยวกับแรงงงานไทยในจังหวัดนครพนม ที่เดินทางไปทำงานผ่านกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน โดยทำงานด้านการเกษตรอยู่ประเทศอิสราเอล เริ่มทยอยกลับเมืองไทย หลังเกิดการสู้รบระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสในปาเลสไตน์ และนับเป็นแรงงานไทยในอิสราเอล อีกคนที่น่าติดตาม สำหรับ นายชลวิทย์ สุธา อายุ 30 ปี หรือโอเล่ ชาวบ้านกอก หมู่ 5 ต.ปลาปาก อ.ปลาปาก จ.นครพนม หนึ่งในแรงงานไทยที่รอดชีวิตเดินกลับถึงไทย โดยได้รับการช่วยเหลือจากทหารอิสราเอล นำตัวออกจากพื้นที่สงคราม และรัฐบาลไทยเร่งประสานการช่วยเหลือ โดยมีเพื่อนในแคมป์เดียวกันรวม 32 คน เดินทางกลับถึงไทยทั้งหมดแล้ว
ส่วนบรรยากาศการกลับบ้านสู่อ้อมกอดผู้เป็นแม่ของหนุ่มโอเล่ มี นางตุรัตน์ สุธา อายุ 57 ปี แม่ตลอดจนญาติพี่น้อง ต้อนรับการกลับมาตุภูมิอย่างอบอุ่น ส่วนพ่อเสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 2559 โดยการเจอหน้ากันครั้งแรกของทั้งสองแม่ลูก หนุ่มโอเล่ได้เข้าสวมกอดแม่ พร้อมหอมแก้ม หลังจากเดินทางไปทำงานที่อิสราเอลนานกว่า 4 ปี ตามสัญญาจ้าง รวม 5 ปี แต่เมื่อเกิดภัยสงคราม จึงต้องกลับมาก่อนกำหนด เพื่อเอาชีวิตรอด เสมือนได้ชีวิตใหม่ เพราะไม่คิดจะรอดชีวิตกลับมา เนื่องจากการสู้รบมีความรุนแรงกว่าทุกครั้ง จากปกติมีการก่อสถานการณ์ ตลอดแต่ไม่รุนแรงเหมือนครั้งนี้
ทั้งนี้ นายชลวิทย์ สุธา อายุ 30 ปี หรือโอเล่ ชาวบ้านกอก หมู่ 5 ต.ปลาปาก อ.ปลาปาก จ.นครพนม หนึ่งในแรงงานไทย เปิดเผยว่าพื้นฐานครอบครัวมีฐานะยากจน อาชีพหลักทำไร่ทำนา พ่อแม่ต้องดิ้นรนต่อสู้ ส่งให้เรียนหนังสือจนจบปริญญาตรี หวังมีงานเป็นเสาหลักครอบครัว จากจำนวนพี่น้องสองคน โดยมีน้องสาวอีกคน สุดท้ายต้องไปทำงานต่างประเทศ เพราะหวังสร้างฐานะให้ครอบครัว เคยฝันอยากมีบ้านใหม่ ยอมเป็นหนี้ให้แม่กู้เงินเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปทำงานต่างประเทศ เป็นงานในฟาร์มเกษตร เนื้อที่กว่า 1 หมื่นไร่ของบริษัทมาค่า เขตเตซามิเตอร์กิม พื้นที่ติดกับชายแดนปาเลสไตน์ ส่วนแคมป์ที่พักอยู่ห่างออกไปประมาณ 10 กว่ากิโลเมตร ฟาร์มเกษตรแห่งนี้ถือว่าได้เงินเดือนสูง ตกประมาณเดือนละ 40,000 – 70,000 บาท ว่าจ้างเป็นรายชั่วโมงๆละ 30 เชเกลๆละ 30 บาทไทย ทำงานวันละประมาณ 10 ชม. แต่ไม่เกิน 12 ชม. โดยเฉพาะช่วงเก็บผลผลิตจะได้มากถึง 80,000 บาท ส่วนช่วงลงเพาะปลูกผลไม้ เช่น อะโวคาโด องุ่น ส้ม มะม่วง มะนาว ฯลฯ จะได้อยู่ประมาณขั้นต่ำเดือนละ 40,000-60,000 บาท ทำให้เป็นแรงจูงใจคนไทย ไปทำงานต่างประเทศจำนวนมาก
นายโอเล่เล่าต่อว่า ถึงแม้จะรู้ว่าเสี่ยงภัยอันตราย แต่ยังดีกว่ายอมอดตาย ในรอบ 4 ปีของการทำงาน ได้พยายามเก็บเงินส่งกลับบ้านให้แม่ สิ่งสำคัญคือบ้านหลังใหม่ ถือเป็นน้ำพักน้ำแรง เป็นความสำเร็จ เปลี่ยนชีวิต มีบ้านหลังใหม่ราคากว่า 2 ล้านบาท และมีเงินเก็บไว้บางส่วน ถึงแม้จะเกิดภัยสงคราม ยอมรับยังคิดถึงประเทศอิสราเอล เพราะพาหนีความจน มาถึงวันนี้หากสงครามสงบ อยากกลับไปทำงานอีก เพราะได้ค่าแรงสูง ขอบคุณรัฐบาลไทย รวมถึงทหารอิสราเอล ที่ให้การดูแลช่วยเหลือ รอดชีวิตกลับบ้านเกิด หากอนาคตไม่สามารถกลับไปทำงานอิสราเอลได้ อยากให้รัฐบาลหาแนวทางช่วยเหลือ ส่งไปทำงานประเทศอื่น เช่น ประเทศเกาหลีใต้ เพราะมีค่าแรงสูสีกับอิสราเอล ดังนั้นการไปทำงานต่างประเทศ จึงเป็นความหวังของแรงงานไทยทุกคน ที่มีฐานะยากจน
//////////////////////////
*ภาพ-ข่าว//พงศ์สุคนธ์ คุณธรรมมงคล//นครพนม (061-2838566)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *