นครพนม-หนุ่มทาสยานรกเจอข้อหาหนัก หลอนใช้จอบสับลุงวัยแซยิดตาย พ่อสุดเอือมเคยบำบัดหลายครั้ง เมียคนตายวอนรัฐทบทวน เสพยาเม็ดเดียวก็ฆ่าคนได้
*****
มีความคืบกรณี นายจิตวัต ว่องไว อายุ 41 ปี ชาวบ้านทรายมูล หมู่ 7 ต.น้ำก่ำ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เสพยาบ้าและดื่มสุราจนเกิดอาการหลอน ก่อนไปไล่ทำร้ายเพื่อนบ้าน แล้วคว้ามีดพร้าด้ามยาว รวมถึงจอบขุดดิน วิ่งไปก่อเหตุทำร้ายนายทองสา น้องตุลัง อายุ 60 ปี ชาวบ้านในหมู่บ้านเดียวกันบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดบริเวณถนนกลางหมู่บ้าน ในพื้นที่บ้านทรายมูล หมู่ 7 ต.น้ำก่ำ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม หลังเกิดเหตุพลเมืองดีพยายามช่วยชีวิตนายทองสา นำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา แต่นายทองสาทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตในเวลาต่อมา
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิด บันทึกเหตุการณ์ไว้ชัดเจน ว่าผู้ต้องหามีเจตนาทำร้ายผู้ตายถึงแก่ชีวิต โดยทาง พ.ต.อ.ถวิล คำเกษ ผกก.สภ.ธาตุพนม มอบหมายให้ทีมสืบสวนลงพื้นที่ จับกุมผู้ต้องหา พร้อมรวบรวมพยานหลักฐาน ดำเนินคดีตามกฎหมาย
เบื้องต้น พ.ต.ท.ประเสริฐศักดิ์ นวลบัตร สารวัตรสอบสวน สภ.ธาตุพนม ได้สอบปากคำนายจิตวัต ว่องไว อายุ 41 ปี ผู้ต้องหา พร้อมตรวจหาสารเสพติด พบปัสสาวะเป็นสีม่วง นายจิตวัตสารภาพว่าติดยาบ้ามานานหลายปี ก่อนเกิดเหตุเสพยาบ้าไปหลายเม็ดและดื่มสุรา จนเกิดอาการหลอน ประกอบกับผู้ตายชอบตำหนิเรื่องตนเสพยาบ้าประจำ จึงมีความฝังใจ กระทั่งฉวยโอกาสนำมีดพร้าและจอบบุกทำร้ายร่างกาย ยอมรับตั้งใจเอาถึงชีวิต ทั้งนี้ทางตำรวจมีภาพหลักฐานจากกล้องวงจรปิดชัดเจนเป็นหลักฐาน จึงแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และเสพยาเสพติด
ขณะเดียวกันทางด้าน นางเตือนใจ น้อยตุลัง อายุ 56 ปี ภรรยาของผู้ตายคือ นายทองสา น้องตุลัง อายุ 60 ปี และครอบครัว ยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยตั้งศพบำเพ็ญกุศลตามประเพณีที่บ้านพัก ในหมู่บ้านเดียวกันกับคนก่อเหตุ มีชาวบ้านญาติพี่น้อง เดินทางมาให้กำลังใจไม่ขาดสาย โดยทางครอบครัวยืนยันว่าผู้ตายเป็นคนร่าเริง ไม่เคยคิดร้ายกับใคร และเชื่อว่าไม่ได้มีปัญหาทะเลาะกับคนก่อเหตุมาก่อน ยอมรับว่ารู้จักกันในฐานะคนบ้านเดียวกัน แต่สาเหตุเชื่อว่า คนก่อเหตุเมายาบ้าจนคลุ้มคลั่ง จึงก่อเหตุทำร้ายร่างกายคนอื่น แต่ผู้ตายโชคร้ายถึงขั้นสูญเสียชีวิต ขอให้ตำรวจดำเนินคดีถึงที่สุด ถึงแม้ไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้
ฝากถึงรัฐบาลเกี่ยวกับนโยบายปรามปรามยาเสพติดต้องดำเนินการอย่างจริงจัง เพราะหากรัฐบาลปล่อยให้มีการครอบครองยาบ้าต่ำกว่า 10 เม็ด เป็นผู้ป่วย ปัญหาการแพร่ระบาด และทาสยาบ้าจะต้องก่อเหตุมากขึ้น อยากให้ความสูญเสียของครอบครัว เป็นบทเรียนไม่อยากให้ผู้บริสุทธิ์มาตายเพราะทาสยาบ้าอีก
ในส่วนของนายจักรพันธ์ ว่องไว อายุ 67 ปี พ่อของผู้ต้องหา เปิดเผยว่า ตนยอมรับว่าลูกชายเสพยามานานกว่า 10 ปี และกลายเป็นผู้ป่วยจิตเวช เคยนำไปบำบัดรักษาหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็กลับมาเสพยาบ้าอีก จนครอบครัวเอือมระอา และไม่มีทางออก เคยคลุ้มคลั่งทำร้ายพ่อบังเกิดเกล้าหลายครั้ง โชคดีไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก แต่ไม่เคยไปทำร้ายชาวบ้าน ครั้งนี้ไม่คิดว่าจะก่อเหตุทำร้ายชาวบ้าน ในหมู่บ้านเดียวกันจนตาย เชื่อว่าไม่มีเรื่องขัดแย้งส่วนตัว แต่มั่นใจเกิดจากสภาพจิตใจของลูกชายที่มีอาการจากยาเสพติด ทำได้เพียงให้กำลังใจครอบครัวผู้สูญเสีย ส่วนเรื่องการดำเนินคดีขอให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ให้ลูกชายรับกรรมไม่ขอสู้คดี
//ภาพ-ข่าว//พงศ์สุคนธ์ คุณธรรมมงคล//นครพนม